ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “สี” เป็นสิ่งที่ส่งผลต่อคนเรามาก ๆ ทั้งในทางชีววิทยาและจิตวิทยา
สีของหลอดไฟที่ให้ความสว่างในบ้านเราก็เช่นกัน เพราะแม้จะเปิดไฟสว่างจ้าแค่ไหน แต่ถ้าเลือกสีไม่เหมาะ ก็อาจทำให้รู้สึก อึมครึม อึดอัด ผิดที่ทางอย่างบอกไม่ถูก แถมยังมีผลต่อการใช้สายตาด้วย ดังนั้น…มาเปลี่ยนให้บ้านน่าอยู่สดใสขึ้นผ่านการรู้จักสีต่าง ๆ ของหลอดไฟและความเหมาะสมในการใช้งานกันเลย!
แสงสีของหลอดไฟ ทำไมถึงต่างกัน?
สีของหลอดไฟที่เราเห็นกันแท้จริงแล้วขึ้นอยู่กับ “อุณหภูมิของสี” ที่จะแสดงในหน่วยเคลวิน (K) โดยทั่วไปแล้ว หลอดไฟจะมีอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 3,000 K – 6,000 K ยิ่งอุณหภูมิต่ำ สีของแสงก็จะยิ่งออกไปในโทนร้อน เช่น ไฟสีส้ม ออกแนวโคซี่ อบอุ่น ๆ แต่หากอุณหภูมิสูง สีของแสงก็จะออกไปในโทนเย็น มองแล้วทำให้รู้สึกตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า เช่น ไฟสีขาว
รู้ก่อนเลือกซื้อ สีแบบนี้เรียกว่าอะไร?
ก่อนจะปรับเปลี่ยนสีของหลอดไฟอะไรในบ้าน มาดูวิธีการเลือกซื้อกันก่อน นอกจากจะสามารถรู้สีของแสงไฟได้จากหน่วยเคลวินของอุณหภูมิที่มักแสดงบนบรรจุภัณฑ์แล้ว ในท้องตลาดมักแบ่งสีของหลอดไฟเป็น 3 สีด้วยกัน ได้แก่
- สีหลอดไฟแบบวอร์มไวท์ (Warm White) มีอุณหภูมิ 2,500 K-3,300 K สีโทนร้อนจัด สีเหลืองอมส้ม ไปจนถึงขาวอมเหลือง ให้ความอบอุ่น สบายตา
- สีหลอดไฟแบบคูลไวท์ (Cool White) มีอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 4,000 K จุดกึ่งกลางระหว่างสีแบบวอร์มไวท์และเดย์ไลต์ที่ยังออกไปในโทนเย็น ช่วยขับสีสันที่ชัดเจน และไม่สว่างจ้าจนเกินไป
- สีหลอดไฟแบบเดย์ไลต์ (Day Light) มีอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 4,500 K – 6,500 K สีโทนเย็น สีขาว ไปจนถึงขาวอมฟ้า สีที่ใกล้เคียงแสงธรรมชาติที่สุด ช่วยให้มองเห็นสิ่งของชัดเจน
ยังไงก็ตาม หลอดไฟแต่ละยี่ห้อของแต่ละประเทศมีเกณฑ์การผลิตที่ต่างกัน ฉะนั้น ไม่ต้องตกใจถ้าค่าเคลวินที่ระบุบนหลอดไฟมีความคลาดเคลื่อน ไม่ได้ตรงเป๊ะแบบที่บอกไปข้างต้น ขอแค่เลือกสินค้าที่ได้รับมาตรฐาน มอก. เพื่อให้มั่นใจว่าใช้งานได้อย่างปลอดภัยก็พอแล้ว
ห้องไหนเหมาะกับสีอะไร?
รู้ข้อมูลของสีแสงหลอดไฟกันอย่างครบถ้วนแล้ว ต่อไปมาดูกันว่าควรเลือกสีหลอดไฟอย่างไรให้ตอบสนองไลฟ์สไตล์ และเหมาะกับฟังก์ชันของห้องและมุมต่าง ๆ ในบ้าน
- ห้องนอน
เมื่อนึกถึงห้องนอนแล้ว ทุกคนคงนึกถึงความสบาย อบอุ่น ปลอดภัย และเป็นส่วนตัว สีหลอดไฟแบบวอร์มไวท์เหมาะกับพื้นที่ที่ไม่ต้องการความสว่างมากนัก ให้แสงสบายตาเหมาะกับการอ่านหนังสือ และทำกิจกรรมที่เป็นส่วนตัว จึงเหมาะที่สุด เพราะว่าให้ทั้งความรู้สึกอบอุ่นและสงบ สำหรับการพักผ่อนที่มีคุณภาพ
- ห้องครัว
ห้องครัวเป็นพื้นที่ปรุงสุขให้กับหลาย ๆ ครอบครัว การมีแสงไฟที่เพียงพอเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อที่จะได้มองเห็นวัตถุดิบและใช้เครื่องครัวได้อย่างคล่องตัว หลอดไฟที่เลือกใช้จึงควรเป็นแบบเดย์ไลต์ เพื่อความสว่างกระจ่างชัด สีไม่เพี้ยน หรือคูลไวท์ สเตชันครัวตั้งอยู่ภายในพื้นที่ส่วนรวม และไม่ต้องการให้โดดเด่นจนเกินไป แต่ยังอยากให้สีสันอาหารชัดเจน น่ารับประทาน
- ห้องน้ำ
เช่นเดียวกันกับห้องครัว ห้องน้ำเป็นที่ที่ควรจะมีเเสงสว่างเพียงพอ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ต้องการความชัดเจนเพื่อสำรวจร่างกายของเราในแต่ละวัน ไม่ว่าจะก่อนออกจากบ้านหรือก่อนเข้านอนก็ตาม อีกทั้งยังเป็นที่ที่เกิดอุบัติเหตุจากการลื่นล้ม หรือโดนของมีคมบาดได้ง่าย ดังนั้น สีแบบเดย์ไลต์ จึงเหมาะที่สุด
- ห้องนั่งเล่น
เป็นพื้นที่ที่ผู้คนมากหน้าหลายตามารวมตัวกัน แขกบ้าง คนในครอบครัวบ้าง ดังนั้น การเลือกสีของหลอดไฟในห้องนั่งเล่น จึงต้องคำนึงถึงสีที่ดูจะเข้าได้กับไลฟ์สไตล์ของทุกคนได้ สีแบบคูลไวท์ซึ่งเป็นจุดกึ่งกลางระหว่างสีโทนร้อนและโทนเย็นจึงเหมาะที่สุด เนื่องจากไม่ทำให้ตื่นตัวจนเกินไป แต่ก็ยังสามารถมองเห็นและหยิบจับอะไรได้อย่างไม่ลำบาก
ทั้งนี้ การเลือกสีแสงของหลอดไฟก็ขึ้นอยู่กับความชอบและข้อจำกัดของแต่ละบ้าน เซฟไทยหวังว่าทุกคนจะเอาความรู้ที่ได้อ่านไปปรับให้เหมาะสมกับที่อยู่ออาศัยตัวเอง และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้ากันอย่างปลอดภัย
ที่มา :