• 61 Views
  • Feb 21, 2025
  • 7 mins read

เคลียร์ 5 ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับปรากฏการณ์ ‘เรือนกระจก’

ก่อนอื่นมารู้จัก ‘ก๊าซเรือนกระจก’ กันก่อน เพราะเป็นก๊าซที่มีความสำคัญ เป็นองค์ประกอบของชั้นบรรยากาศโลกที่ห่อหุ้มโลกไว้ มีคุณสมบัติกักเก็บและดูดซับคลื่นรังสีความร้อนจากดวงอาทิตย์เอาไว้ เพื่อรักษาอุณหภูมิโลกให้พอเหมาะ เป็นเหมือนกระจกที่ดูดคลื่นรังสีความร้อนในตอนกลางวันเอาไว้ แล้วค่อย ๆ แผ่ความร้อนออกมาในตอนกลางคืน ทำให้อุณหภูมิในบรรยากาศโลกเราค่อย ๆ เปลี่ยนแปลง สิ่งมีชีวิตดำรงอยู่ได้

ต่อมากิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ส่งผลให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศมากขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น การเผาไหม้เชื้อเพลิง การเผาไม้ทำลายป่า ฯลฯ จนเกิดภาวะโลกร้อนที่เป็นตัวการทำลายก๊าซเรือนกระจก ทำให้โลกเรามีอุณหภูมิผันผวน อากาศสุดขั้ว  ร้อนจัด เย็นจัด ที่สำคัญระดับอุณหภูมิพื้นผิวโลกยังมีแนวโน้มเฉลี่ยสูงขึ้นในทุก ๆ ปีอีกด้วย 

เมื่อโลกร้อนขึ้นนำมาซึ่งปัญหาภาวะเรือนกระจก ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญของปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่ผู้คนทั่วโลกให้ความสนใจ อย่างไรก็ตาม ยังมีเรื่องเข้าใจผิดเกี่ยวกับภาวะเรือนกระจก โดยเฉพาะในสังคมออนไลน์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบให้ปัญหาสิ่งแวดล้อมทวีความรุนแรงขึ้นได้

เซฟไทยเว็บไซต์จะมาเคลียร์ 5 ประเด็นที่ผู้คนเข้าใจผิดอย่างมากเกี่ยวกับภาวะเรือนกระจก 

1. สภาพอากาศโลกเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องปกติ

ยังมีคนจำนวนมากไม่เชื่อว่าภาวะเรือนกระจกเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้น เพราะเชื่อว่าสภาพอากาศโลกผันแปรตามธรรมชาติ ถือเป็นภาวะปกติของโลกใบนี้

แต่ในความเป็นจริงแล้ว ปัญหาภาวะเรือนกระจกทำให้โลกเราร้อนขึ้นมาก ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และนำมาซึ่งปัญหาตามมาอีกมากมาย ที่เห็นชัดเจนก็คือภัยธรรมชาติต่าง ๆ ที่วิกฤตรุนแรงขึ้น ฉะนั้น ยิ่งภาวะเรือนกระจกมีปัญหามากเท่าไหร่ โลกของเราก็ยิ่งร้อนมากขึ้นเท่านั้น ทำให้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงไปมากขึ้นตามไปด้วย

นักวิทยาศาสตร์เปิดเผยว่า โลกเราร้อนขึ้นทุกปีนับตั้งแต่ ค.ศ.800 ทั้งหมดก็เพราะการปล่อยก๊าซเสีย และการเผาเชื้อเพลิง ทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไหลสู่ชั้นบรรยากาศมาต่อเนื่องยาวนาน

2. การลดการใช้พลังงานไม่ช่วยแก้ปัญหาภาวะเรือนกระจก

ผู้คนจำนวนมากไม่สนใจที่จะลดการใช้พลังงานต่าง ๆ เพราะไม่เชื่อว่าจะช่วยแก้ปัญหาภาวะเรือนกระจก หรือจะช่วยบรรเทาสถานการณ์วิกฤตโลกร้อนได้

อย่างไรก็ตาม งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า ปัญหาโลกร้อนทั้งหมดที่เราเผชิญอยู่นั้น เกิดจากการที่มนุษย์ใช้พลังงานมากเกินไป เพราะยิ่งมีการใช้พลังงานมากเท่าไหร่ การเผาไหม้ของเชื้อเพลิงก็จะเพิ่มขึ้นตามนั้น จนเกิดปัญหาภาวะเรือนกระจกและโลกร้อนตามมานั่นเอง

ยิ่งมนุษย์ทำกิจกรรมที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิสจากถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซแบบไม่คำนึงถึงสภาพอากาศมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นปัจจัยเร่งให้โลกยิ่งร้อนขึ้นมากเท่านั้น และด้วยสภาพชั้นบรรยากาศที่แย่ลงกว่าในอดีตมาก นักวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า หากมนุษย์ยังไม่ใส่ใจที่จะลดปัญหาการใช้พลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิส และไม่เปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาด ปัญหาเรือนกระจกก็จะยิ่งแย่ลง และยิ่งเร่งให้โลกเรามีอุณหภูมิยิ่งสูงขึ้นกว่าเดิม

3. ปัญหาก๊าซเรือนกระจกไม่ใช่เรื่องของฉัน

เมื่อพูดถึงความเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิพื้นผิวโลกที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น หลายคนเข้าใจว่าจะส่งผลกระทบต่อการละลายของน้ำแข็งที่ขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ เดือดร้อนถึงหมีขาวแต่ไม่ใช่เรา หรือหากระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้นจนมัลดีฟส์จมหายไป แต่ประเทศไทยยังอยู่ เลยมองว่า ปัญหาภาวะก๊าซเรือนกระจกไม่ใช่ธุระของฉัน เป็นหน้าที่ของหน่วยงาน องค์กรระดับประเทศจัดการ  

ในความเป็นจริง ปัญหาภาวะเรือนกระจกส่งผลกระทบไปในทุกพื้นที่ทั่วโลกในรูปแบบที่แตกต่างกัน เช่น  ภัยแล้ง น้ำท่วม หรือหิมะถล่มเมือง ล้วนเป็นปัญหาที่ตามมาจากภาวะเรือนกระจกทั้งสิ้น

4. อุทกภัยเกี่ยวอะไรกับปัญหาก๊าซเรือนกระจก

หลายปีที่ผ่านมา หลายประเทศทั่วโลกต่างประสบกับปัญหาอุทกภัยอย่างหนัก เกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินมากมาย ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่คิดว่า น้ำท่วมเป็นภัยธรรมชาติตามฤดูกาลเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับภาวะโลกร้อน 

ทว่า ในความเป็นจริง ด้วยปริมาณน้ำในมหาสมุทรเพิ่มมากขึ้นจากภาวะโลกร้อน ทำให้น้ำแข็งในขั้วโลกละลายหายไปจำนวนมาก ส่งผลให้ปริมาณน้ำในมหาสมุทรต่าง ๆ ทั่วโลกเพิ่มขึ้นมหาศาล จนเกิดอุทกภัยที่รุนแรงขึ้นกว่าในอดีต

เมื่อปริมาณน้ำมาก แผ่นดินยิ่งถูกกัดเซาะ ซึ่งก็หมายความว่าน้ำได้แทรกซึมเข้าไปอยู่ในพื้นดินมากขึ้นเช่นกัน นี่คือเหตุผลว่า ทำไมทั่วโลกถึงเกิดวิกฤตการณ์อุทกภัยมากขึ้น เป็นเพราะมีน้ำปริมาณมากอยู่ใต้พื้นดินมากขึ้นนั่นเอง

นอกจากนี้ ในหลายพื้นที่ก็เกิดเหตุแผ่นดินทรุดตัวลง ซึ่งเป็นเหตุให้น้ำท่วมได้ง่ายขึ้น เพราะปัจจุบันผืนดินก็เริ่มจะทรุดตัวลงไปผสมกับพื้นน้ำแล้ว

5. สัตว์ป่าปรับตัวได้

หลายคนอาจเชื่อในทฤษฎีกฎธรรมชาติคัดสรร ทำให้เชื่อว่า ไม่ว่าปัญหาภาวะเรือนกระจกบนโลกจะรุนแรงแค่ไหน  ไม่ใช่แค่มนุษย์ที่ปรับตัวได้ เหล่าสรรพสัตว์ก็จะปรับตัวได้เช่นกัน

แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ใช่ว่าสิ่งมีชีวิตทุกชนิดจะปรับตัวได้ โดยเฉพาะสัตว์ป่าที่ใช้ชีวิตอิงกับธรรมชาติ เพราะปัญหาภาวะเรือนกระจกก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิโลกอย่างรวดเร็ว เกินกว่าวิวัฒนาการของสัตว์ป่าในธรรมชาติจะตามทัน  เพราะวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตนั้นต้องใช้เวลาเป็น 100 ปีหรือ 1,000 ปี แต่เพียงแค่ไม่กี่ 10 ปี ปัญหาสภาพอากาศของโลกก็เปลี่ยนแปลงไปในทางที่แย่ลงมาก ส่งผลให้สัตว์ป่าตลอดจนพืชพันธ์ุต่าง ๆ ที่ไม่สามารถปรับตัวได้ทันล้มหายตายจากไป

นอกจากภาวะโลกร้อนจากปัญหาก๊าซเรือนกระจกแล้ว ทรัพยากรธรรมชาติที่ลดน้อยลงทุกวัน ทำให้สัตว์ป่าขาดทั้งแหล่งที่อยู่อาศัยและแหล่งอาหาร กระทบกับการดำรงชีพและการสืบพันธุ์ 

 

ที่มา 

https://www.bbc.com/thai/articles/cd1p2zre5dno

https://www.wwf.org.uk/updates/here-are-10-myths-about-climate-change 

https://gracz.co.th/blog/post/planet-global-warming