• 153 Views
  • Dec 26, 2024
  • 3 mins read

มาตรวจสุขภาพไฟฟ้ากันเถอะ

หลายคนให้ของขวัญตัวเองด้วยการตรวจสุขภาพชุดใหญ่ช่วงส่งท้ายปลายปี เซฟไทยเลยถือโอกาสนี้ชวนสำรวจตรวจเช็กสุขภาพระบบไฟฟ้าในบ้านด้วย ไม่ต้องรอให้เสียพังหรือขัดข้องก่อนแล้วค่อยแก้ไขซ่อมแซม เพราะบางครั้งเราอาจยังใช้ไฟฟ้าได้ตามปกติ แต่ถ้าไม่ตรวจตรา จะไม่รู้เลยว่า ในบางจุดที่มองไม่เห็น เช่น สายไฟบนฝ้าเพดาน หรือปลั๊กไฟหลังตู้เย็นอาจเกิดปัญหาอยู่  เพราะอย่างไรการป้องกันก็ย่อมดีกว่าการแก้ไขเสมอ และวลี ‘ปลอดภัยไว้ก่อน’ ก็ยังใช้ได้จริงทุกยุคทุกสมัย

เซฟไทยจึงรวบรวมวิธีตรวจสอบระบบไฟฟ้าในบ้านที่เราใช้งานกันตลอดเวลาแบบเบื้องต้นด้วยตัวเอง ให้เป็นแนวทางใช้สำรวจตรวจตราระบบไฟฟ้าที่บ้าน หากพบความผิดปกติจะได้รีบแก้ไข ทั้งนี้ หากเกินความสามารถหรือคิดว่าตัวเองไม่เชี่ยวชาญและไม่มีอุปกรณ์ที่เหมาะสมพอ แนะนำให้ติดต่อช่างไฟฟ้ามืออาชีพที่มีความชำนาญมารับช่วงต่อดีกว่า 

 

จำเป็นต้องเช็กไหม

การตรวจเช็กระบบไฟฟ้าในบ้านก็เหมือนการตรวจสุขภาพร่างกายของเรา ใครที่ใส่ใจดูแลสุขภาพ ก็จะให้ความสำคัญกับการตรวจร่างกาย หากพบโรคหรือสิ่งผิดปกติจะรักษาได้ทันท่วงที การตรวจสอบระบบไฟฟ้าในบ้านก็เช่นกัน ช่วยให้เรามั่นใจได้ว่า ระบบไฟฟ้าอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน หากพบจุดไหนชำรุดก็จะได้รีบซ่อมแซม ช่วยลดและป้องกันภัยอันตรายจากไฟฟ้าที่นำมาซึ่งความเสียหายทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเป็นอาคารบ้านเรือนที่สร้างมานานกว่า 10 ปีขึ้นไป ระบบไฟฟ้า รวมถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ ทั้งปลั๊ก สวิตช์ สายไฟย่อมเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งานและจากสภาพแวดล้อม การหมั่นตรวจสอบสภาพยิ่งจำเป็นมาก อย่าปล่อยปละละเลยหรือรอให้เกิดปัญหาไฟรั่ว ไฟช็อต ไฟลัดวงจร หรือเกิดไฟไหม้ขึ้นก่อน แล้วค่อยมาสำรวจความเสียหาย 

จุดไหนบ้างที่ต้องเช็ก

เพื่อลดความยุ่งยากซับซ้อนในการตรวจเช็กระบบไฟฟ้าในบ้าน เรามีลิสต์จุดที่ต้องตรวจสอบมาให้

1.ตู้ควบคุมไฟฟ้า  (Consumer Unit) หรือตู้โหลดไฟฟ้า/กล่องไฟ เป็นจุดรวมการติดตั้งอุปกรณ์ควบคุมการจ่ายไฟในบ้าน โดยทั่วไปประกอบด้วย เซอร์กิตเบรกเกอร์เมน เซอร์กิตเบรกเกอร์ย่อย อุปกรณ์ป้องกันไฟรั่วไฟดูด ทุกบ้านจึงควรมีเจ้าตู้นี้ไว้เพื่อป้องกันอันตรายที่เกิดจากไฟฟ้า 

การตรวจเช็กสภาพตู้นี้ ด้วยการตรวจดูสภาพสายไฟ อุปกรณ์ต่าง ๆ ว่ามีรอยแตกร้าวชำรุดไหม และทดสอบสวิตช์ตัดไฟว่ายังใช้งานได้ รวมถึงตรวจดูว่ามีมดหรือแมลงสาบเข้าไปทำรังหรือไม่ ทั้งนี้ เซอร์กิตเบรกเกอร์ย่อยสำหรับไฟที่ให้ความสว่าง เครื่องทำน้ำอุ่น หรือเครื่องปรับอากาศควรแยกวงจรออกมาอย่างชัดเจน เพื่อให้บำรุงรักษาหรือซ่อมแซมได้ง่าย

 

2.มิเตอร์ไฟฟ้า (Electrical Meter) เป็นอุปกรณ์ของการไฟฟ้าที่ใช้วัดและแสดงค่าปริมาณทางไฟฟ้า นอกจากตรวจสอบด้วยสายตาดูว่า การติดตั้งยังเรียบร้อยแน่นหนา ไม่เอียง ไม่อยู่สูงหรือต่ำเกินไป สายไฟที่ต่อเข้าและออกจากมิเตอร์ต้องไม่ตึงหรือหย่อนเกินไป และต้องไม่พาดผ่านต้นไม้หรือจุดที่มีผู้คนสัญจรผ่านแล้ว 

อย่าลืมเช็กว่า บ้านเราไฟรั่วไหม ทำได้ง่าย ๆ เพียงปิดสวิตช์ไฟทุกจุดในบ้าน รวมถึงถอดปลั๊กอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมดออก แล้วสังเกตที่เฟืองเหล็กที่มิเตอร์ว่าหมุนอยู่หรือไม่ หากหมุนแสดงว่ามีกระแสไฟรั่ว ส่วนการหาจุดที่มีกระแสไฟรั่วให้ลองทดสอบที่เครื่องตัดไฟรั่ว (Residual Current Device : RCD) หรือเซฟทีคัต


3.สายไฟ แม้จะยังใช้ไฟได้ปกติ แต่ก็ควรตรวจตราสายไฟว่ายังอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งานหรือไม่ เพราะอาจมีร่องรอยกัดแทะจากหนู หรือหักงอ บิด จากการถูกทับ โดยเฉพาะสายไฟที่ซ่อนอยู่บนฝ้าเพดานที่เราไม่ได้เห็น อาจจะมีความเปื่อยกรอบจากการใช้งานมานานได้ รวมถึงดูปลอกยางที่หุ้มสายไฟ ถ้ามีรอยแตกหรือฉีกขาดจนเห็นสายลวดทองแดงในสายไฟควรรีบเปลี่ยน

นอกจากนี้ ควรใส่ใจเรื่องขนาดของสายไฟที่เหมาะสมกับการใช้งาน และเพิ่มความปลอดภัยในการใช้สายไฟ ด้วยการใส่ท่อร้อยสายไฟสำหรับสายไฟที่อยู่บนฝ้าเพื่อป้องกันสัตว์กัดแทะ ส่วนสายไฟบนผนังควรตีกิ๊บจัดเก็บสายไฟเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่เกะกะให้เดินสะดุด 

4.ปลั๊กไฟ ก่อนอื่นตรวจดูว่าเป็นปลั๊กไฟที่มีสัญลักษณ์ มอก. กำกับอยู่ไหม เพราะสัญลักษณ์นี้จะสร้างความมั่นใจให้ได้ว่า เป็นปลั๊กที่ผลิตจากวัสดุและมีโครงสร้างที่ได้มาตรฐานอุตสาหกรรม แล้วตรวจสภาพปลั๊กจากการใช้งานว่า มีรอยร้าว รอยแตก ชำรุด หรือรอยไหม้ไหม ถ้ามีนั่นคือสัญญาณเตือนความเสื่อมสภาพจากการใช้งาน

จากนั้นตรวจประสิทธิภาพการใช้งานของปลั๊กและเต้าเสียบควบคู่กันไป ด้วยการลองเสียบปลั๊กดูว่าแน่นดีไหม หรือหลวมโยกคลอนไปมา มีประกายไฟ หรือมีเสียงดังเหมือนไฟช็อตอยู่ข้างในหรือเปล่า หรือจะใช้ไขควงวัดไฟแตะดูในจุดที่สงสัยว่าอาจมีไฟรั่ว

5.สวิตช์ไฟ ตรวจสอบการทำงานของสวิตช์ไฟทุกดวงว่าใช้งานได้ปกติ ไม่ฝืดไม่ค้าง รวมถึงตรวจฝาครอบสวิตช์ในจุดที่อาจโดนแดดโดนฝนว่าไม่แตกร้าว ไม่ชื้น และปิดแน่น ที่สำคัญต้องอยู่ในระดับที่น้ำท่วมไม่ถึง

6.เครื่องใช้ไฟฟ้า ตรวจสอบดูว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชิ้นในบ้านว่ามีไฟรั่วหรือไม่ด้วยไขควงวัดไฟ ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีโครงหรือส่วนประกอบเป็นโลหะ ซึ่งเราอาจสัมผัสโดนได้ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เกี่ยวกับน้ำหรือความร้อน เช่น ตู้เย็น เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ เครื่องทำน้ำอุ่น เตารีด ควรติดตั้งสายดินเพื่อช่วยป้องกันไม่ให้ถูกไฟดูด

ย้ำอีกครั้งว่า นี่เป็นเช็กลิสต์ในการตรวจสอบระบบไฟฟ้าในบ้านเบื้องต้นที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง เมื่อพบปัญหาหรือสิ่งผิดปกติใด ๆ หากไม่แน่ใจแนะนำให้ติดต่อช่างไฟฟ้าที่มีความรู้ความชำนาญมาดูแลจัดการให้