• 11 Views
  • Jun 30, 2025
  • 24 mins read

Standby Mode ภัยเงียบ แอบกินไฟเพียบแบบไม่รู้ตัว

Standby Mode คือภัยเงียบจากการกินไฟที่หลายคนมองข้าม อุปกรณ์ในบ้านที่ดูเหมือนปิดเครื่องแล้ว แต่ยังแอบใช้ไฟอยู่ ยิ่งมีหลายชิ้น ยิ่งสะสมค่าไฟโดยไม่จำเป็นได้ ถึงเวลาแล้วที่ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมของเรา เพื่อป้องกันไม่ให้สูญเสียพลังงานโดยเปล่าประโยชน์

Standby Mode

Standby Mode คืออะไร

Standby Mode คือ

โหมดสแตนด์บาย (Standby Mode) คือ สภาวะที่เครื่องใช้ไฟฟ้าไม่ได้ใช้งานเต็มประสิทธิภาพ แต่ยังคงเชื่อมต่อกับระบบไฟฟ้า และใช้พลังงานอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ทันกับตอบสนองคำสั่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน เช่น การรับสัญญาณจากรีโมต ไฟแสดงสถานะบนตัวเครื่อง หน้าจอแสดงผลตัวเลข หรือระบบไฟฟ้าภายในที่ต้องเปิดทิ้งไว้
แม้ว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผู้ผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าจะเริ่มออกแบบเครื่องใช้ไฟฟ้าให้ประหยัดพลังงานมากขึ้นเมื่อใช้งาน Standby Mode และในบางประเทศได้ออกกฎเกณฑ์ควบคุมการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าในโหมดนี้ แต่ในความเป็นจริงก็ยังคงสิ้นเปลืองไฟฟ้าโดยที่เจ้าของบ้านอาจไม่ทันสังเกต
สังเกตง่าย ๆ ว่าหากเห็นอุปกรณ์ที่มีไฟ LED ติดค้าง หน้าจอแสดงตัวเลข หรือมีระบบรับสัญญาณจากรีโมต นั่นแปลว่าเครื่องใช้ไฟฟ้ายังอยู่ใน Standby Mode และแอบดูดไฟอยู่ทุกวัน

ภัยเงียบของ Standby Mode

อันตรายของ Standby Mode

แม้ Standby Mode จะเป็นฟังก์ชันที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับชีวิต แต่รู้หรือไม่ว่าภายใต้ความสะดวกนั้น ยังมีผลกระทบต่าง ๆ ด้วย เช่น

1. สิ้นเปลืองพลังงานโดยไม่จำเป็น

Standby Mode ช่วยให้อุปกรณ์ไฟฟ้าพร้อมใช้งานได้ทันที จึงมีการใช้พลังงานอย่างต่อเนื่อง โดยคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 5-10% ของค่าไฟภายในบ้าน ถึงแม้จะกินไฟเพียง 1-25 วัตต์ต่อเครื่อง แต่เมื่อรวมกับเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายพันล้านเครื่องทั่วโลก จะกลายเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานอย่างมหาศาล

2. ลดอายุการใช้งานของอุปกรณ์

นอกจากสิ้นเปลืองพลังงานแล้ว การปล่อยให้อุปกรณ์ไฟฟ้าอยู่ใน Standby Mode อย่างต่อเนื่อง ยังส่งผลให้ชิ้นส่วนภายในทำงานอยู่ตลอดเวลาโดยไม่จำเป็น ไม่จะเป็นระบบรับสัญญาณ รีโมต เซ็นเซอร์ต่าง ๆ หรือไฟแสดงสถานะ ส่งผลให้เกิดการสึกหรอของอุปกรณ์ได้เร็วขึ้น เสื่อมสภาพไว และส่งผลให้อายุการใช้งานของเครื่องลดลงในระยะยาว โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่ต้องพร้อมตอบสนองคำสั่งตลอดเวลา เช่น สมาร์ตโฮม หน้าจอสัมผัส หรือเกมคอนโซล

3. เสี่ยงต่อไฟฟ้าลัดวงจรและอัคคีภัย

อุปกรณ์ที่เสียบปลั๊กทิ้งไว้ แม้จะอยู่ใน Standby Mode แต่ระบบภายในยังมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นหากเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด เช่น วงจรไฟฟ้าชำรุด อุปกรณ์เสื่อมสภาพ ความชื้นสะสม หรือกรณีที่เกิดไฟกระชากและฟ้าผ่า อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อไฟฟ้าลัดวงจรได้เช่นกัน

4. กระทบต่อสิ่งแวดล้อม

Standby Mode เป็นหนึ่งปัจจัยที่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในวงกว้างอย่าง พลังงานต่าง ๆ สูญเสียไปจากการใช้งานในโหมดนี้ ไม่เพียงสิ้นเปลืองพลังงานโดยไม่จำเป็น แต่ยังนำไปสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปริมาณมหาศาล
จากข้อมูลขององค์การพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ระบุว่าพลังงานที่สูญเปล่าจาก Standby Mode มีส่วนทำให้เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากถึง 1% ของปริมาณการปล่อยทั่วโลก หรือราว 857 ล้านตันต่อปี

รวมอุปกรณ์กินไฟสูงเมื่อใช้ Standby Mode

อุปกรณ์ไฟฟ้ากินไฟสูงใน Standby Mode

1. เครื่องเล่นเกม

เครื่องเล่นรุ่นใหม่มักจะมี Standby Mode เพื่อช่วยประหยัดพลังงาน ซึ่งทำให้บางคนอาจจะเผลอเปิดใช้งาน โดยไม่ทำการปิดเครื่องเล่นให้สมบูรณ์ และปิดแค่จอทีวีเท่านั้น ทำให้คอนโซลเกมยังทำงานอย่างต่อเนื่อง และสิ้นเปลืองพลังงานโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นควรปิดเครื่องให้สมบูรณ์ทุกครั้งหลังใช้งานและหมั่นอัปเดตซอฟต์แวร์เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่อง

2. กล่องรับสัญญาณดาวเทียม

แม้กล่องรับสัญญาณดาวเทียมจะมี Standby Mode ที่ใช้พลังงานต่ำ แต่หากปล่อยไว้โดยไม่ปิดเครื่อง ก็ยังคงกินไฟจำนวนมาก การปิดทีวีแล้วปล่อยให้กล่องอยู่ใน Standby Mode จึงเป็นการใช้พลังงานโดยไม่จำเป็น

3. เครื่องใช้ไฟฟ้ารุ่นเก่า

เครื่องใช้ไฟฟ้ารุ่นเก่ามักจะใช้พลังงานมากกว่าเครื่องรุ่นใหม่ โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีชิ้นส่วนชำรุดหรือทำงานผิดปกติ ซึ่งจะทำให้ใช้ไฟฟ้ามากขึ้น ตัวอย่างเช่น ตู้เย็น ที่มีอายุเกิน 10-15 ปี มักมีประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงานต่ำกว่ารุ่นใหม่อย่างชัดเจน โดยตู้เย็นรุ่นเก่าใช้ไฟฟ้าเฉลี่ย 100 ถึง 200 หน่วย (kWh) ต่อเดือน หรือราว 1,200 ถึง 2,400 หน่วยต่อปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอายุการใช้งาน รุ่น และสภาพของเครื่อง ในขณะที่ตู้เย็นรุ่นใหม่สามารถลดการใช้ไฟลงได้ถึงครึ่งหนึ่ง

4. ไมโครเวฟ

แม้ไมโครเวฟที่อยู่ใน Standby Mode จะใช้พลังงานเพียงเล็กน้อย แต่ถ้าปล่อยให้ไมโครเวฟอยู่ในโหมดนี้เป็นเวลานานก็สามารถสะสมเป็นพลังงานปริมาณมหาศาลได้ การปิดถอดปลั๊กไมโครเวฟเมื่อไม่ใช้งาน จึงช่วยลดการใช้พลังงานและประหยัดค่าไฟในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

5. คอมพิวเตอร์

การใช้งานคอมพิวเตอร์ใน Standby Mode ช่วยให้ใช้งานได้สะดวกขึ้น แต่ก็ยังคงใช้พลังงานอยู่ ซึ่งเมื่อสะสมไปนาน ๆ ทำให้ค่าไฟสูงขึ้น การปิดเครื่องให้สมบูรณ์จึงเป็นวิธีการง่าย ๆ ที่ช่วยประหยัดพลังงานได้ในระยะยาว

วิธีประหยัดพลังงานจาก Standby Mode

วิธีประหยัดไฟจาก Standby Mode

1. ปิดสวิตช์หรือถอดปลั๊กเมื่อไม่ใช้งาน

อุปกรณ์ไฟฟ้าหลายชนิดยังคงกินไฟแม้อยู่ใน Standby Mode เช่น ทีวี กล่องรับสัญญาณ หรือไมโครเวฟ การปิดสวิตช์หรือถอดปลั๊กเป็นวิธีการที่ง่ายที่สุดที่จะช่วยลดการใช้พลังงานอย่างสูญเปล่าในทันที

2. ใช้ปลั๊กอัจฉริยะหรือสวิตช์ตั้งเวลาปิดเครื่อง

ควบคุมการเปิด-ปิดอุปกรณ์อัตโนมัติ ลดปัญหาการกินไฟจาก Standby Mode ในช่วงเวลาที่ไม่จำเป็น โดยที่ไม่ต้องคอยตรวจสอบตลอดเวลา

3. เลือกใช้อุปกรณ์ที่มีฉลากประหยัดพลังงาน

เลือกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ผ่านมาตรฐานประหยัดพลังงาน เช่น ฉลากประหยัดไฟ เบอร์ 5 เพราะนอกจากจะกินไฟน้อยขณะใช้งาน ยังถูกออกแบบมาให้ลดการใช้พลังงานขณะอยู่ใน Standby Mode อีกด้วย

4. ปรับตั้งค่าการทำงานใน Standby Mode

อุปกรณ์ไฟฟ้าหลายรุ่นสามารถตั้งค่าให้ปิดฟังก์ชันบางอย่างขณะอยู่ใน Standby Mode ได้ เช่น ตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหรือหยุดอัปเดตอัตโนมัติ เพื่อลดการใช้ไฟโดยไม่จำเป็น

 

อย่าปล่อยให้ Standby Mode กลายเป็นต้นเหตุของค่าไฟที่บานปลายโดยไม่จำเป็น แม้อุปกรณ์จะดูเหมือนปิด แต่พลังงานยังไหลอยู่ตลอดเวลา เพียงแค่ถอดปลั๊ก ปิดสวิตช์ หรือเลือกใช้อุปกรณ์ที่ช่วยจัดการพลังงานให้ดียิ่งขึ้น ก็ช่วยลดค่าไฟได้ในทุก ๆ วัน

 

ที่มา:
https://www.sensorfact.eu/blog/standby-power-what-is-it-and-how-can-you-prevent-it/
https://www.perle.com/articles/how-much-standby-power-do-we-actually-waste-40195170.shtml
https://pulseenergy.co.nz/our-blog/does-turning-everything-off-actually-save-power/
https://energyadvicehelpline.org/top-5-energy-draining-devices-to-never-leave-on-standby/
https://www.sarakadee.com/2015/06/26/standby/
https://www.sanook.com/news/9655762/