ใครที่กำลังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับวิธีอ่านมิเตอร์ไฟฟ้าว่าต้องอ่านยังไงถึงจะรู้ว่าเดือนนี้เราใช้ไฟไปกี่หน่วย รวมถึงการเลือกมิเตอร์ไฟฟ้าให้เหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละบ้าน เพื่อให้ตอบโจทย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทางเซฟไทยจะพาไปไขข้อสงสัยเหล่านี้กัน
รู้จัก มิเตอร์ไฟฟ้า คืออะไร?
ก่อนที่เราจะไปรู้ถึงวิธีอ่านมิเตอร์ไฟฟ้า จำเป็นที่จะต้องรู้จักกับมิเตอร์ไฟฟ้า (Kilowatt-Hour Meter) ว่าเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการวัดพลังงานไฟฟ้า วัดกำลังไฟฟ้าได้ทั้งระดับครัวเรือนและโรงงานอุตสาหกรรม โดยมีหน่วยวัดเป็น ‘กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง’ (Kilowatt-Hour)
ประเภทของมิเตอร์ไฟฟ้า
มิเตอร์ไฟฟ้ามีหลายประเภท โดยสามารถแยกตามการใช้งานได้ดังนี้
- มิเตอร์ไฟฟ้าสำหรับบ้านอยู่อาศัย
- มิเตอร์ไฟฟ้าสำหรับกิจการขนาดเล็ก
- มิเตอร์ไฟฟ้าสำหรับกิจการขนาดกลาง
- มิเตอร์ไฟฟ้าสำหรับกิจการขนาดใหญ่
- มิเตอร์ไฟฟ้าสำหรับกิจการเฉพาะอย่าง
- มิเตอร์ไฟฟ้าสำหรับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร
- มิเตอร์ไฟฟ้าสำหรับกิจการสูบน้ำเพื่อการเกษตร
- มิเตอร์ไฟฟ้าสำหรับผู้ใช้ไฟชั่วคราว
วิธีอ่านมิเตอร์ไฟฟ้า เลขแต่ละตัวบอกอะไรได้บ้าง?
ก่อนอื่นควรสังเกตบนหน้าปัดของมิเตอร์ไฟฟ้าจะมีช่องตัวเลข 5 ช่อง ช่องสุดท้ายจะเป็นช่องที่แสดงถึงหลักจุดทศนิยม เมื่อหลักจุดทศนิยมหมุนครบรอบ 0-9 แล้ว ตัวเลขในหลักหน่วยก็จะหมุนตัวเลขขึ้นมาตามลำดับไปเรื่อย ๆ จนถึงหลักสิบ หลักร้อย หลักพัน โดยแต่ละช่องก็จะหมุนตัวเลขไปตามระยะเวลาที่เราใช้ไฟฟ้าจนครบรอบ 0-9 แล้ววนกลับมาที่ 0 ใหม่อีกครั้ง เมื่อถึงขีดกำจัดของขนาดมิเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งวิธีอ่านมิเตอร์ไฟฟ้าที่มีหลักจุดทศนิยม จะอ่านค่าตั้งแต่หลักหน่วยถึงหลักพัน ไม่นับจุดทศนิยมมาอ่านด้วย
ตัวอย่างวิธีอ่านมิเตอร์ไฟฟ้า 5(15) A
อ่านค่าโดยไม่นับหลักทศนิยม
ต้นเดือนวันที่ 1 จดมิเตอร์ไฟฟ้าไว้ที่ 3562.5
ปลายเดือนวันที่ 31 จดมิเตอร์ไฟฟ้าได้ 3662.9
สรุปว่าในเดือนนั้นใช้ไฟไปทั้งหมด 100 หน่วย
*ไม่นับหลักจุดทศนิยม
ตัวอย่างวิธีอ่านมิเตอร์ไฟฟ้า 30(100) A และมิเตอร์ไฟฟ้าขนาด 50(150) A
อ่านค่าโดยนับหลักทศนิยม
ต้นเดือนวันที่ 1 จดมิเตอร์ไฟฟ้าไว้ที่ 35625
ปลายเดือนวันที่ 31 จดมิเตอร์ไฟฟ้าได้ 36629
สรุปว่าในเดือนนั้นใช้ไฟไปทั้งหมด 1,004 หน่วย
*นับหลักจุดทศนิยมเข้าไปด้วย
วิธีเลือกมิเตอร์ไฟฟ้าให้เหมาะสมกับบ้าน
การเลือกขนาดมิเตอร์ไฟฟ้าที่มีหลากหลายขนาดให้เหมาะสมกับบ้าน ควรคำนึงถึงการใช้งานไฟฟ้า โดยสามารถพิจารณาได้จากสมาชิกในบ้าน ปริมาณเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งปัจจุบันและอนาคต
สูตรการคำนวณเบื้องต้นด้วยตัวเองว่าที่บ้านของเราเหมาะสมกับขนาดมิเตอร์ไฟฟ้าใด มีดังนี้
(P ÷ V) x จำนวนเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดนั้น = กระแสไฟฟ้าทั้งหมด
กระแสไฟฟ้าของเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมดในบ้าน x 1.25 (ปริมาณกระแสไฟฟ้าที่อาจจะใช้มากขึ้นในอนาคต)
เริ่มจากนำ กำลังไฟฟ้าของเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดนั้น (วัตต์) ดูได้บนฉลากของเครื่องใช้ไฟฟ้า หารด้วย ความต่างศักย์ (โวลต์) คูณด้วยจำนวนเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดนั้น แล้วนำกระแสไฟฟ้าของเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมดภายในบ้าน มาบวกรวมกัน และคูณด้วย 1.25 (ปริมาณกระแสไฟฟ้าที่อาจจะใช้มากขึ้นในอนาคต) เช่น
โคมไฟฟลูออเรสเซนต์ 36W จำนวน 10 ชุด = 36/220×10 = 1.64
พัดลม 100W จำนวน 4 ชุด = 100/220×4 = 1.82
เครื่องปรับอากาศ 1,800W จำนวน 2 ชุด = 1,800/220×2 = 16.36
เครื่องเสียง 200W จำนวน 1 ชุด = 200/220 = 0.91
เครื่องซักผ้า 3,000W จำนวน 1 ชุด = 3,000/220 = 13.64
รวมกระแสไฟฟ้า 1.64+1.82+16.36+0.91+13.64 = 34.37 แอมแปร์
คูณด้วย 1.25 เผื่อปริมาณกระแสไฟฟ้า 25% = 34.37 x 1.25 = 42.96 แอมแปร์
จากการคำนวณปริมาณใช้ไฟฟ้าแล้วสามารถเลือกขนาดมิเตอร์ไฟฟ้า 30(100) ที่ใช้ไฟฟ้าได้ถึง 75 แอมแปร์ เพียงเท่านี้เราก็เลือกมิเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างเหมาะสมแล้ว
ได้รู้วิธีอ่านมิเตอร์ไฟฟ้ากันไปแล้ว หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย อย่างไรก็ตามการเลือกมิเตอร์ไฟฟ้าควรปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกใช้มิเตอร์ที่มีคุณภาพและเหมาะสมต่อการใช้งาน
ที่มา: lekise