เชื่อว่าหลายคนคงเคยเกิดความมึนงงกับการปรับแอร์ให้เย็นว่าต้องทำยังไงให้เย็นฉ่ำ เพราะลองปรับไปหลายแบบแล้วก็ยังดูไม่เข้าที่เข้าทางสักที โหมดไหนทำงานยังไง สัญลักษณ์แบบไหนก็สับสน แถมค่าไฟก็พุ่งปรี๊ดจนน่าตกใจ วันนี้ทางเซฟไทยจึงมีทริกการปรับแอร์ให้เย็นและค่าไฟไม่พุ่งมาฝากกันแล้ว บอกเลยว่าใครที่กำลังประสบปัญหานี้อยู่ห้ามพลาดเลย!
ว่าด้วยเรื่องการปรับแอร์ให้เย็นในแบบที่เราต้องการ บางทีตั้งอุณหภูมิ 26 องศาแล้ว แต่ทำไมกลับไม่รู้สึกว่าเย็นเลย หลายคงจึงคิดว่าแอร์เสียหรือเปล่า อย่าเพิ่งใจร้อนด่วนตัดสินใจไป…เพราะบางทีแค่หยิบรีโมตขึ้นมาปรับนิดปรับหน่อยก็เย็นเจี๊ยบได้แล้วนะ ฉะนั้น เรามาเรียนรู้โหมดความเย็นของแอร์กันก่อนเลยว่ามีอะไรบ้าง
อยากปรับแอร์ให้เย็นต้องรู้จักโหมดความเย็นของแอร์ มีอะไรบ้าง?
การจะใช้งานแอร์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและตรงตามความต้องการของเรานั้น จำเป็นจะต้องรู้เรื่องโหมดต่าง ๆ ของแอร์ว่าแต่ละโหมดนั้นให้ความเย็นแบบไหน เหมาะกับการเปิดช่วงไหนเป็นพิเศษ เพราะโหมดความเย็นของแอร์ทุกรุ่นค่อนข้างคล้ายกันทั้งหมด โดยมีสัญลักษณ์บ่งบอกการทำงานของโหมดนั้น ๆ ดังนี้
-
โหมด Auto / I-Feel
ในโหมดนี้แอร์จะทำงานตามอุณหภูมิห้องโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องปรับใด ๆ เพิ่มเติมทั้งนั้น เพราะเซนเซอร์ภายในตัวแอร์จะประมวลผลอุณหภูมิและพัดลมให้แล้ว เพื่อให้ได้ความเย็นที่เหมาะสมกับอากาศและการทำงานภายในห้อง
ข้อดีของโหมดนี้จะไม่เปลืองไฟจนเกินไป เพราะระบบจะคำนวณทุกอย่างให้เหมาะสมต่อการใช้งาน แถมยังไม่ยุ่งยากในการปรับอีกด้วย แต่สิ่งที่ควรระวังคือ หากภายในห้องอยู่เพียงคนเดียว หรือจำนวนคนน้อยลงอย่างทันที อาจส่งผลให้เปลืองไฟเกินจำเป็นได้เหมือนกัน
-
โหมด Cool
อยากปรับแอร์ให้เย็นต้องโหมด Cool เลย เพราะชื่อก็บอกแล้วว่าเป็นโหมดทำความเย็น โดยเราสามารถตั้งค่าอุณหภูมิที่ต้องการได้เลย โดยแอร์จะทำงานในลักษณะค่อย ๆ ลดอุณหภูมิในห้องให้ต่ำลงตามที่เราตั้งค่าเอาไว้ เมื่อเครื่องทำงานถึงอุณหภูมิที่ตั้งไว้แล้วจะทำการตัดทันที
เหมาะกับการเปิดในห้องนอน ห้องนั่งเล่น หรือภายในคอนโด โดยเฉพาะในช่วงกลางวันหรืออากาศร้อนจัด เพื่อให้แอร์ทำงานได้ตามความเย็นที่เราต้องการ แต่ก็พ่วงความกินไฟที่สูงขึ้นตามมาด้วย แนะนำให้ตั้งอุณหภูมิที่ 26 องศา เพื่อให้แอร์สามารถรักษาความเย็นได้อย่างเหมาะสม และช่วยประหยัดไฟได้ด้วย
-
โหมด Fan
โหมดพัดลม การทำงานของโหมดนี้แอร์จะทำหน้าที่เป็นพัดลม ปล่อยลมออกมาโดยไม่มีความเย็น เป็นการเพิ่มการไหลเวียนของอากาศภายในห้อง ซึ่งจุดประสงค์ของโหมดนี้คือ การลดกลิ่นอับชื้นและกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ หากเมื่อไหร่ก็ตามที่เริ่มรู้สึกว่าในห้องมีกลิ่นอับหรือกลิ่นไม่ดี สามารถเปิดโหมดพัดลมทิ้งไว้ได้เลย เพื่อให้แอร์เป่าลมออกมา ช่วยลดความชื้นที่สะสมอยู่ในเครื่องได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้การเปิดแอร์ครั้งต่อไปปราศจากกลิ่นไม่พึงประสงค์ แถมยังช่วยให้แอร์เย็นไวขึ้นอีกด้วยนะ
-
โหมด Dry
โหมดลดความชื้นที่หลายคนมองข้ามและเลือกที่จะไม่ใช้งาน อาจด้วยความไม่รู้ว่ามันคืออะไร ซึ่งประโยชน์ของโหมดนี้ก็คือการลดความชื้นภายในห้อง เมื่อเลือกการทำงานโหมดนี้แล้วเราจะไม่สามารถปรับอุณหภูมิได้ แอร์จะไม่ทำความเย็นใด ๆ เหมาะแก่การเปิดในวันที่อากาศชื้น เช่น ฝนตก เพราะความชื้นนั้นส่งผลต่อสุขภาพและความสบายของคนที่อยู่ในห้อง ส่วนเรื่องการกินไฟนั้นสบายใจได้เลย โหมดนี้แทบจะไม่กินไฟเลยล่ะ
-
โหมด Hi Power / Powerful Cool
โหมดเย็นเร็ว ทำงานแบบพลังสูงตรงตามชื่อเลย โดยแอร์จะทำงานพลังสูงเป็นเวลา 15 นาที เพื่อปรับอุณหภูมิตามที่ตั้งไว้อย่างรวดเร็ว สามารถเปิดโหมดนี้ได้ในช่วงแรกที่เปิดแอร์แล้วต้องการความเย็นอย่างทันที ซึ่งโหมดนี้จะกินไฟกว่าปกติเพราะแอร์จะทำงานเต็มพิกัด
-
โหมด Econo
โหมดประหยัดพลังงาน เป็นระบบควบคุมความเย็นภายในห้อง แอร์จะทำงานเบาด้วยระบบที่จะลดความเย็นลง พร้อมเพิ่มแรงพัดลมเพื่อกระจายลมเย็น ทำให้เราจะรู้สึกเย็นสบายเป็นปกติ ประหยัดไฟอย่างแน่นอน
ทริกปรับแอร์ให้เย็นฉ่ำ แบบไม่กินไฟ
เตรียมสถานที่ให้พร้อม ปิดประตูหน้าต่างให้สนิท เพื่อให้แอร์ทำงานอย่างเหมาะสม ความเย็นจะไม่ไหลออกนอกห้อง และความร้อนจากภายนอกจะไม่เข้ามาในห้อง แอร์ก็จะไม่ต้องทำงานหนักเกินไปด้วย
ปรับแอร์ให้เย็นและเหมาะสมกับห้อง สภาพอากาศ นั่นก็คือการเลือกโหมดความเย็น ซึ่งทุกคนน่าจะมีความเข้าใจมากยิ่งขึ้นแล้วจากความรู้ที่เซฟไทยให้ไว้ก่อนหน้านี้ เช่น หากฝนตก แนะนำให้เปิดโหมด Dry หรืออยากได้ความเย็นสบายก็ปรับโหมด Cool ได้เลย
เปิดพัดลมช่วยไปพร้อมกัน แนะนำในช่วงแรกที่เปิดแอร์ ได้ความเย็นเร็ว แอร์ไม่ทำงานหนัก ช่วยกระจายความเย็นได้ทั่วห้องอีกด้วย ซึ่งเมื่อได้ความเย็นที่ต้องการแล้วค่อยปิดพัดลมก็ได้
อย่าเพิ่งเปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความร้อน เช่น เตารีด โคมไฟ จะส่งผลให้แอร์ทำงานช้า ไม่เย็นฉ่ำตามต้องการเสียที
ยิ่งในห้องมีความชื้นมาก แอร์จะทำงานหนักขึ้น ซึ่งความชื้นในห้องมักเกิดได้สูงจากการปลูกต้นไม้ เปิดประตูห้องน้ำทิ้งไว้ รวมไปถึงการตากผ้าในห้อง ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ก่อนเปิดแอร์
ปิดไฟที่ไม่จำเป็น ก่อนจะปรับแอร์ให้เย็น เราควรปิดไฟที่ไม่ใช้งานแล้ว เพราะจะมีความร้อนแฝงอยู่ พยายามใช้แสงไฟให้น้อยที่สุด นอกจากช่วยให้แอร์เย็นแล้ว ยังประหยัดไฟไปในตัวด้วย
ตั้งเวลาปิดแอร์ เมื่อเราปรับแอร์ให้เย็นแล้ว แต่ก็อยากประหยัดไฟขณะหลับด้วย แนะนำให้ตั้งเวลาปิดแอร์เอาไว้ และใช้การเปิดพัดลมช่วยกระจายความเย็นต่อจากนั้นได้
เราก็ได้รู้ถึงทริกการปรับแอร์ให้เย็นกันไปแล้ว แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ การล้างแอร์เป็นประจำทุก 6 เดือน เพื่อให้แอร์สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมช่วยให้เราประหยัดได้ด้วย
ที่มา: