แม้เมืองไทยจะหนาวแค่ไม่กี่วัน แต่การมีเครื่องทำน้ำอุ่นสักเครื่องติดบ้านไว้ ย่อมเป็นอีกทางเลือกที่ดีไม่ใช่แค่สำหรับช่วงหน้าหนาว เพราะในวันที่ร่างกายเหนื่อยล้าและอ่อนเพลีย การได้อาบน้ำอุ่น ๆ ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายสบายตัวได้เยอะเลย เราเลยรวบรวมการใช้เครื่องทำน้ำอุ่นให้คุ้มค่า ปลอดภัย และประหยัดไฟมาฝากกัน มีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย
- ความปลอดภัยต้องมาก่อน
ก่อนคิดติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่น ควรตรวจสอบสายดินที่บ้านก่อน หากที่บ้านยังไม่มีการต่อสายดินไว้ การติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นควรต่อสายดินเฉพาะ หรือหากมีสายดินที่บ้านอยู่แล้ว ควรตรวจสอบว่าติดตั้งถูกต้องหรือไม่
สำหรับการเลือกเครื่องทำน้ำอุ่น ควรเลือกที่มีระบบตัดกระแสไฟฟ้าอัตโนมัติ เพราะเมื่อเกิดกระแสไฟฟ้ารั่ว หรือไฟเกิน การมีระบบตัดกระแสไฟฟ้าอัตโนมัติ จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน ที่สำคัญตัวเครื่องต้องมีระบบ IP25 ที่เป็นระบบช่วยป้องกันน้ำเข้าเครื่องด้วย เป็นการป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายจากปัญหาไฟฟ้าลัดวงจร และป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจากไฟฟ้ารั่วด้วยในตัว
- ความต้องการในการใช้งาน
จริง ๆ แล้วนอกจากเครื่องทำน้ำอุ่นแล้ว ยังมีเครื่องทำน้ำร้อนด้วย เครื่องทำน้ำอุ่นจะเป็นเครื่องระบบ Single Point ที่ทำน้ำอุ่นในตัวได้เลย แต่ข้อจำกัดคือใช้งานได้เฉพาะจุดเดียว ขณะที่เครื่องทำน้ำร้อนจะมีระบบ Multi Point ที่ปล่อยน้ำร้อนเพื่อผสมกับระบบน้ำเย็น ทำให้แบ่งใช้น้ำร้อนร่วมกันได้หลายจุด เช่น อ่างล้างมือ อ่างอาบน้ำ อ่างล้างจาน ดังนั้น หากคุณต้องการใช้น้ำร้อนสำหรับการอาบน้ำแค่จุดเดียว แนะนำให้เลือกติดตั้งแบบระบบเครื่อง Single Point จะประหยัดไฟกว่า และเหมาะกับครอบครัวเล็ก ๆ หรือการอาศัยเพียงคนเดียวด้วย
หากต้องการประหยัดไฟเพิ่มขึ้นอีก แนะนำให้พิจารณาเรื่องความจุของเครื่องทำน้ำอุ่นด้วย ถ้าเป็นครอบครัวใหญ่และทุกคนต้องการใช้น้ำอุ่น ไม่ควรซื้อเครื่องทำน้ำอุ่นที่ความจุน้อย เพราะจะทำให้เครื่องทำน้ำอุ่นทำงานหนัก มีการใช้ความร้อนมากเกินกว่าความจุเครื่อง จึงทำให้กินไฟ
โดยทั่วไปควรซื้อเครื่องทำน้ำอุ่นที่มีความจุตั้งแต่ 1 ลิตรขึ้นไป ยกเว้นสำหรับบ้านที่อยู่กันแค่ 1-2 คน สามารถใช้เครื่องทำน้ำอุ่นขนาดครึ่งลิตรได้ จะเป็นขนาดที่เหมาะสมกับการใช้งานและช่วยให้ประหยัดไฟด้วย
- ประเภทของเครื่องทำน้ำอุ่น
ทั้งวัสดุและแหล่งพลังงานของเครื่องทำน้ำอุ่นมีให้เลือกหลากหลาย ไม่ควรดูเพียงแค่ดีไซน์ภายนอกที่ถูกใจ แต่ต้องตรวจดูถึงวัสดุของหม้อต้มด้วย อย่างหม้อต้มทองแดงมีความคุ้มค่าในการใช้งาน ทนทานต่อความร้อนและแรงดันน้ำ อายุการใช้งานนาน แต่มีราคาสูง ขณะที่หม้อต้มพลาสติกถูกกว่า ประหยัดไฟด้วย แต่ใช้งานได้ไม่ทนทาน
นอกจากวัสดุแล้ว ในส่วนของแหล่งพลังงานก็สำคัญ เพราะเครื่องทำน้ำอุ่นบางชนิดสามารถใช้แหล่งพลังงานจากแก๊สธรรมชาติได้ เช่น แก๊ส LPG และยังมีประเภทที่ใช้แหล่งพลังงานโซลาร์เซลล์ด้วย ก่อนซื้อควรสอบถามให้ละเอียดเพื่อเลือกวัสดุและแหล่งพลังงานที่เหมาะสมกับการใช้งานของคุณ
- ตรวจสอบกำลังไฟ
ปกติแล้วเครื่องทำน้ำอุ่นมีกำลังไฟหลายระดับให้เลือกใช้งานตามความเหมาะสม ถ้าชอบเครื่องทำน้ำอุ่นที่ร้อนเร็วและแรง ให้เลือกเครื่องทำน้ำอุ่นที่มีกำลังวัตต์สูง แต่ถ้าต้องการให้ “ประหยัด (ค่า) ไฟ” ให้เลือกเครื่องทำน้ำอุ่นที่มีกำลังวัตต์ต่ำจะดีกว่า ทั้งนี้ ต้องพิจารณาเรื่องกำลังไฟในบ้านด้วย เช่น ถ้ามิเตอร์ 5(15) ควรใช้เครื่องทำน้ำอุ่นกำลังไฟไม่เกิน 3,500 วัตต์ หรือมิเตอร์ไฟขนาด 15(45) ควรใช้เครื่องทำน้ำอุ่นกำลังไฟไม่เกิน 4,500-6,000 วัตต์ หากไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่หนาวมาก การเลือกเครื่องทำน้ำอุ่นกำลังไฟประมาณ 3,500-4,500 วัตต์ ก็เพียงพอต่อความต้องการและช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าแล้ว
- การประหยัดพลังงาน
การประหยัดขั้นแรกแบบง่าย ๆ เลยคือ เลือกเครื่องทำน้ำอุ่นที่มีมาตรฐานเครื่องใช้ไฟฟ้าเบอร์ 5 แต่คุณสามารถประหยัดเพิ่มขึ้นอีกได้ หากเลือกใช้หัวฝักบัวที่ประหยัดน้ำด้วย เพราะเครื่องทำน้ำอุ่นบางรุ่นจะมีฝักบัวติดมากับตัวเครื่องด้วย แต่มักเป็นฝักบัวธรรมดา แนะนำให้เปลี่ยนเป็นฝักบัวประหยัดน้ำ จะช่วยประหยัดน้ำกว่าหัวฝักบัวทั่วไปได้เกือบ 75% เลยทีเดียว เมื่อใช้น้ำน้อยก็ย่อมประหยัดไฟฟ้าในการทำน้ำอุ่นด้วย
สุดท้ายนี้ หากคุณเลือกหาเครื่องทำน้ำอุ่นตาม 5 องค์ประกอบนี้ได้อย่างถูกใจแล้ว สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ไม่อยากให้มองข้ามกัน คือ ควรเลือกใช้เครื่องทำน้ำอุ่นที่มีการรับประกันความปลอดภัยเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วย เพื่อยืนยันการได้มาตรฐาน และปลอดภัยไว้ก่อนเป็นดีที่สุด!
ที่มา :