การทำอาหารอร่อยโดยประหยัดพลังงานไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่รู้จักเลือกใช้อุปกรณ์ในครัวให้เหมาะสมและวางแผนอย่างชาญฉลาด ก็สามารถลดค่าไฟในแต่ละเดือนได้โดยไม่ต้องพลาดเมนูโปรด แถมยังประหยัดไปพร้อมกันได้
1. ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กแทนเตาอบขนาดใหญ่
การเลือกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กแทนเตาอบหรือเตาไฟฟ้าขนาดใหญ่ เป็นหนึ่งในสูตรเด็ดลดค่าไฟที่เห็นผลได้จริง การใช้เตาอบลมร้อนหรือเตาอบโทสเตอร์สามารถช่วยประหยัดพลังงานได้ถึง 76% เมื่อเทียบกับเตาอบขนาดใหญ่ และไมโครเวฟก็เป็นอีกตัวเลือกที่คุ้มค่า เพราะใช้ไฟเฉลี่ยเพียง 1,000 วัตต์ แต่สามารถทำอาหารหรืออุ่นอาหารได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่าเตาอบหรือเตาไฟฟ้าที่ใช้ไฟสูงถึง 2,500–5,000 วัตต์
2. ใช้หม้อทอดไร้น้ำมันหรือหม้อตุ๋นแทนเตาอบ
หม้อทอดไร้น้ำมันและหม้อตุ๋นถือเป็นตัวช่วยลดค่าไฟที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยหม้อทอดไร้น้ำมันใช้ไฟเพียง 1,400–1,800 วัตต์ ซึ่งน้อยกว่าเตาอบที่กินไฟถึง 2,500–5,000 วัตต์ ทำให้ช่วยลดการใช้พลังงานได้มากถึง 64% ขณะเดียวกันหม้อตุ๋นแม้จะใช้เวลานานในการปรุงอาหาร แต่ใช้ไฟเพียง 70–250 วัตต์ตลอด 4–8 ชั่วโมง หรือคิดเป็นพลังงานรวมแค่ 0.56–2.0kWh ต่อมื้อ ซึ่งยังถือว่าประหยัดกว่าเตาอบมาก
3. ใช้กาต้มน้ำในปริมาณที่จำเป็น
การใช้กาต้มน้ำไฟฟ้าแทนการต้มน้ำบนเตาแก๊สหรือเตาไฟฟ้า ไม่เพียงแค่ช่วยให้น้ำร้อนเร็วขึ้น แต่ยังช่วยประหยัดพลังงานได้มากกว่า โดยกาต้มน้ำไฟฟ้ามีประสิทธิภาพด้านพลังงานสูงถึง 80% ในขณะที่กาต้มน้ำบนเตามีประสิทธิภาพเพียง 70% เท่านั้น ทั้งนี้ การต้มน้ำในปริมาณที่จำเป็นยังช่วยลดการสูญเสียพลังงานโดยไม่จำเป็น เช่น การต้มน้ำเพียง 1 แก้ว (250 มล.) แทนการต้มน้ำเต็มกา อาจช่วยลดการใช้พลังงานได้หลายสิบเปอร์เซ็นต์ต่อครั้ง นอกจากจะประหยัดไฟแล้ว ยังช่วยประหยัดเวลา และเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีในการลดค่าไฟในชีวิตประจำวันอย่างมีประสิทธิภาพ
4. ใช้ภาชนะที่พอดีกับเตาและปิดฝาหม้อขณะทำอาหาร
การลดค่าไฟจากการทำอาหารสามารถเริ่มได้ง่าย ๆ ด้วยการเลือกใช้หม้อหรือกระทะให้มีขนาดพอดีกับหัวเตา และปิดฝาขณะปรุงอาหาร เพราะหากภาชนะใหญ่เกินไปหรือวางไม่ครอบหัวเตา จะเกิดการสูญเสียพลังงานไปโดยไม่จำเป็น นอกจากนี้ การปิดฝาหม้อยังช่วยเก็บความร้อนให้สุกเร็วขึ้น ทำให้สามารถลดการใช้พลังงานได้ถึง 25% และหากใช้หม้อที่พอดีกับเตา ก็สามารถช่วยลดการสูญเสียพลังงานได้อีกประมาณ 3%
5. ทำอาหารหลายเมนูในครั้งเดียว
การวางแผนทำอาหารล่วงหน้าและปรุงหลายเมนูในครั้งเดียวเป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับช่วยลดค่าไฟที่ทำได้จริง เนื่องจากสามารถใช้พลังงานในการปรุงอาหารเพียงครั้งเดียวแทนที่จะเปิด-ปิดเตาหลายครั้ง จะช่วยลดการใช้พลังงานลงได้อย่างมาก เมื่อปรุงอาหารเสร็จแล้ว ยังสามารถแช่เย็นหรือแช่แข็งเก็บไว้กินในวันถัดไปได้อีกด้วย ทั้งสะดวก ประหยัด และคุ้มค่าในเวลาเดียวกัน
6. แช่วัตถุดิบให้พอดีกับขนาดตู้เย็น
การใช้งานตู้เย็นให้ช่วยลดค่าไฟทำได้ง่าย ๆ ด้วยการจัดของให้เหมาะสม ไม่แน่นหรือโล่งจนเกินไป เพราะหากตู้เย็นแน่นเกินไป อากาศเย็นจะไหลเวียนไม่สะดวก ทำให้เครื่องทำงานหนัก ส่วนถ้าโล่งเกินไป ก็สิ้นเปลืองพลังงานในการทำความเย็นกับพื้นที่ว่าง ความจุที่เหมาะสมคือควรมีของอยู่ประมาณ 2 ใน 3 ของความจุ นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการใส่อาหารร้อนเข้าไปทันที และหมั่นทำความสะอาดด้านหลังเครื่อง เพื่อช่วยให้ตู้เย็นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
7. ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อไม่ใช้งาน
เครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชนิดยังคงใช้พลังงานแม้จะปิดเครื่องแล้ว โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่มีไฟกระพริบหรือจอแสดงผล เช่น ไมโครเวฟ เครื่องปิ้งขนมปัง หรือเครื่องชงกาแฟ จากงานวิจัยโดย National Resources Defense Council (NRDC) พบว่า พลังงานแฝงอาจคิดเป็นถึง 23% ของค่าไฟฟ้าภายในบ้าน การถอดปลั๊กเมื่อเลิกใช้งานเป็นวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยลดค่าไฟได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
8. เปลี่ยนหลอดไฟในครัวให้เป็นแบบ LED
การเปลี่ยนหลอดไฟในห้องครัวให้เป็นแบบ LED สามารถช่วยลดค่าไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากใช้พลังงานน้อยกว่าถึง 80% เมื่อเทียบกับหลอดไฟแบบเก่า นอกจากจะประหยัดพลังงาน ยังให้แสงสว่างคงที่และมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ช่วยลดทั้งค่าไฟและค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนหลอดไฟในระยะยาว
ถ้าอยากลดค่าไฟแบบไม่ต้องเปลี่ยนเมนูโปรด ลองเริ่มจากสูตรเด็ดที่ทำได้ง่าย ๆ เหล่านี้ดู รับรองว่าได้ทั้งความอร่อยเหมือนเดิม แถมประหยัดขึ้นกว่าเดิมแบบรู้สึกได้
ที่มา:
https://www.bajajfinserv.in/average-electricity-usage-by-appliances
https://www.greenmountainenergy.com/en/blog/green-living-and-more/kitchen-energy-usage-comparison
https://www.breville.com/us/en/blog/cooking/electric-vs-stovetop-kettle.html
https://www.cosentino.com/pt-br/changing-the-world-from-the-kitchen-10-simple-steps-to-save-energy-in-your-kitchen/
https://powerforwardwithpso.com/tips/cook-up-serious-savings-four-ways-to-save-in-the-kitchen/