โลกเดือดขึ้นทุกวัน คนตัวเล็ก ๆ อย่างพวกเราคงอยากมีส่วนร่วมในการช่วยลดโลกร้อนคนละไม้คนละมือ แน่นอนว่าทุกคนมักพุ่งเป้าไปที่การลดใช้พลาสติกในชีวิตประจำวัน หรือการนำบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ กลับมาใช้ซ้ำ ไปจนถึงการพยายามใส่เสื้อผ้าที่มีอยู่ให้คุ้มค่า แต่รู้หรือไม่ว่า ยังมีสิ่งของที่เราใช้ในประจำวันที่สร้างภาวะก๊าซเรือนกระจกให้โลกเราสะสมสูงขึ้นโดยไม่รู้ตัว
สิ่งของทั้ง 5 อย่างนั้นจะมีอะไรบ้าง มาลองสำรวจชีวิตประจำวันของตัวเองกันว่า พวกเราได้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ ทำให้เกิดภาวะความร้อนให้กับโลกนี้มากน้อยแค่ไหนกันนะ
1. การใช้อินเทอร์เน็ต
แค่ข้อแรกก็เลี่ยงการใช้งานได้ยากแล้ว เพราะอินเทอร์เน็ตแทบจะเป็นปัจจัยสี่ของชีวิตประจำวันเลยก็ว่าได้ อินเทอร์เน็ตสร้างมลภาวะคาร์บอนมากกว่าการเดินทางทางอากาศด้วยซ้ำ เพราะการประมวลผลของข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต คือกระบวนการที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาประมาณ 830 ล้านตันต่อปี ซึ่งคิดเป็น 2% ของมลภาวะคาร์บอนทั่วโลกเลยก็ว่าได้ ในกรณีนี้แม้ว่าเราจะช่วยแก้ไขที่ต้นตอของแหล่งผลิตอินเทอร์เน็ตไม่ได้ แต่ใช้อินเทอร์เน็ตเท่าที่จำเป็นได้ หันกลับมาอ่านหนังสือแบบจับต้องได้มากขึ้น แม้จะช่วยโลกทางอ้อมได้เพียงจุดเล็ก ๆ แต่ผลพลอยได้ก็ช่วยประหยัดการใช้ไฟฟ้าได้ด้วยนะ
2. การใช้ขวดแก้ว
นอกจากแก้วเก็บความเย็นแล้ว หลายคนมักคิดว่าการใช้ขวดแก้วคือสิ่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมากกว่าขวดพลาสติก แต่จริง ๆ แล้วการผลิตขวดแก้วต้องใช้เตาเผาที่อุณหภูมิสูงกว่า 1,500 องศาเซลเซียส ซึ่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกจำนวนมากตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต และเนื่องจากขวดแก้วมีน้ำหนักมากกว่าพลาสติก การขนส่งขวดแก้วจึงก่อให้เกิดการปล่อยมลพิษจาหการขนส่งมากขึ้น ดังนั้น การที่ทุกคนพร้อมใจกันใช้ขวดแก้วอาจไม่ได้ช่วยลดภาวะโลกร้อน เรายังคงใช้ขวดพลาสติกได้ เพียงแต่ต้องแยกขยะให้ถูกต้องเท่านั้นเอง
3. เทปกาว
ตั้งแต่ช่วงโควิด-19 จำนวนการช้อปปิ้งออนไลน์พุ่งสูงขึ้น ทั้งขยะจากกล่องพัสดุ และเทปกาวก็มีจำนวนมหาศาลตามมาเช่นกัน เทปกาวทำจากเรซินสังเคราะห์และฟิล์มพลาสติก ซึ่งเป็นวัสดุคนละชนิดกันกับกล่องพัสดุ เมื่อขยะเหล่านี้เข้าสู่กระบวนรีไซเคิล ตัวเทปกาวจะไปรบกวนขั้นตอนการรีไซเคิล ทำให้ต้องใช้พลังงานมหาศาลในการรีไซเคิล ซึ่งกระบวนการนั้นปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกมาด้วย สำหรับนักช้อปอาจจะต้องลดการช้อปปิ้งออนไลน์ และถ้าสะดวกก็ไปที่หน้าร้านด้วยก็ได้ ส่วนร้านค้าออนไลน์อาจต้องใช้เทปกาวที่สามารถลอกออกจากกล่องก่อนทิ้งได้ง่ายช่วยอีกทางหนึ่ง
4. เทียนหอม
หลายบ้านมักมีเทียนหอมติดห้องไว้สัก 2-3 กลิ่น เพื่อเป็นตัวช่วยผ่อนคลายในวันที่อ่อนล้า แต่รู้หรือไม่ว่า เทียนหอมคืออีกตัวร้ายต่อมลภาวะทางอากาศ เพราะไม่เพียงแค่ทำให้แผงวงจรแอร์อุดตันแล้ว เทียนหอมยังมีสารประกอบอินทรีย์ที่ส่งผลเสียต่อทั้งสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของเราด้วย เทียนหอมหลายชนิดมีพาราฟินแว็กซ์ ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากน้ำมันดิบ หมายความว่าทุกครั้งที่จุดเทียนหอมจะมีการปล่อยเชื้อเพลิงฟอสซิลออกมา แถมเทียนหอมมักมีไส้เทียนที่หุ้มด้วยผ้าฝ้าย ซึ่งก่อให้เกิดเขม่าควันที่เป็นพิษต่อการหายใจ โดยรวมแล้วเทียนหอมไม่ได้ดีต่อโลกและสุขภาพของเราในระยะยาวด้วย
5. ถุงชา
เรามักเริ่มต้นวันด้วยการดื่มชาร้อนในยามเช้า และชาที่ชงได้ง่ายที่สุดคือชาแบบซอง ที่แกะซองกรองชาใส่แก้วแล้วเติมน้ำร้อนก็พร้อมดื่ม แต่รู้หรือไม่ว่า ถุงชาส่วนใหญ่ทำมีส่วนผสมของพลาสติกโพลีโพรพิลีน (Polypropene) ซึ่งเป็นพลาสติกปิดผนึก ที่ป้องกันไม่ให้ถุงชาแตก ซึ่งเป็นประเภทที่ไม่สามารถรีไซเคิลหรือย่อยสลายได้ทางชีวภาพ ปัจจุบันจึงเริ่มมีแบรนด์ต่าง ๆ ที่หันมาใช้ถุงชาด้วยวัสดุที่ยั่งยืน ฉะนั้น หากงดดื่มชาไม่ได้ ลองหันมาสำรวจและใส่ใจกับขยะหลังการใช้งานของเรามากขึ้นกันดูนะ