เชื่อว่าในยุคปัจจุบันหลายบ้านเริ่มมี ‘เครื่องอบผ้า’ เป็นของตัวเองแล้ว แต่ก็มิวายกังวลถึงวิธีใช้เครื่องอบผ้า เพราะปกติเรามักจะคุ้นเคยกับการไปตามร้านซักผ้าหยอดเหรียญ เพราะเพียงแค่หยอดเหรียญ นั่งรอ ทุกอย่างก็ทำงานให้อัตโนมัติ แต่วันนี้ทางเซฟไทยมีความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับเครื่องอบผ้ามาบอกกัน ทั้งวิธีใช้เครื่องอบผ้าและวิธีดูแลเครื่องอบผ้า สำหรับใครที่กำลังครุ่นคิดว่าจะซื้อเครื่องอบผ้าดีหรือไหม…ไม่ควรพลาดบทความนี้เลยล่ะ
ทำความรู้จักเครื่องอบผ้า (Clothes Dryers)
สงสัยใช่ไหมว่า…บ้านเราอากาศค่อนข้างร้อน แดดดีเหมาะแก่การตากผ้าสุด ๆ คงไม่จำเป็นจะต้องมีเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเครื่องอบผ้าก็ได้ ใช่แล้วล่ะเพราะเครื่องอบผ้าถูกคิดค้นขึ้นเพื่อใช้งานในประเทศที่มีอากาศหนาว ตากผ้าได้ไม่สะดวก ซึ่งในเมืองไทยเครื่องอบผ้าก็เป็นตัวช่วยที่เยี่ยมยอดสุด ๆ เช่นกันนะ โดยเฉพาะช่วงหน้าฝน เพราะทำให้ผ้าไม่เกิดการอับชื้น ฝุ่นไม่เกาะ ไร้เชื้อราและแบคทีเรีย ทั้งยังช่วยลดเวลาการตากผ้าอีกด้วย เราจึงจำเป็นจะต้องรู้ถึงวิธีใช้และดูแลรักษาเครื่องอบผ้า เพื่อความปลอดภัยและให้ใช้ได้อีกนาน
ก่อนที่เราจะไปดูวิธีใช้เครื่องอบผ้ากัน เซฟไทยจะพาไปรู้จักระบบการทำงานของเครื่องอบผ้า ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
ระบบการทำงานเครื่องอบผ้า
-
เครื่องอบผ้าระบบลมร้อน (Venting)
ทำงานด้วยการเป่าลมร้อนออกมา แล้วระบายลมออกทำให้เสื้อผ้าแห้ง โดยเครื่องอบผ้าระบบนี้จำเป็นต้องใช้ทั้งพื้นที่ให้อากาศถ่ายเท และต่อท่อระบายลม ไอน้ำออกไปข้างนอกบ้าน จึงเหมาะสำหรับที่อยู่อาศัยแบบบ้านที่มีพื้นที่ในการติดตั้ง
-
เครื่องอบผ้าระบบควบแน่น (Condensing)
ทำงานด้วยระบบลมร้อน แต่เป็นการถูกควบแน่นความชื้นไปเก็บไว้ภายในภาชนะบรรจุน้ำภายในตัวเครื่อง แล้วเทน้ำทิ้งออกทีหลัง ทำให้ผ้าที่ได้อาจยังไม่แห้งสนิท ยังมีความชื้นหลงเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย เหมาะสำหรับการติดตั้งในพื้นที่ที่จำกัด เช่น คอนโด และยังไม่ต้องเจาะท่อระบายความร้อนอีกด้วย
-
เครื่องอบผ้าระบบปั๊มความร้อน (Heat Pump)
เป็นระบบที่ตัวเครื่องจะทำการอบแห้งในอุณหภูมิต่ำ มีการตัดขดลวดความร้อนออกไป เหมาะกับเสื้อผ้าที่ต้องถนอมมาก ๆ เพราะความร้อนจะไม่สูงจนเกินไป แต่อาจใช้เวลานานขึ้นในการอบผ้าเพื่อให้แห้งสนิท
เครื่องอบผ้า VS เครื่องซักอบผ้า ประเภทไหนดีกว่ากัน
วิธีใช้เครื่องอบผ้าและเครื่องซักอบผ้านั้นไม่เหมือนกัน เพราะเครื่องอบผ้าทั้งสองประเภทนี้มีจุดเด่นที่ต่างกัน ดังนี้
-
เครื่องอบผ้า
หน้าตาคล้ายเครื่องซักผ้าฝาหน้า แต่มีระบบอบผ้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น จึงทำให้มีประสิทธิภาพในการอบผ้าได้อย่างเต็มที่ ช่วยให้เครื่องใช้ไฟฟ้าไม่ทำงานหนักจนเกินไป รักษาอายุการใช้งานได้นานกว่าเครื่องซักอบผ้า ซึ่งเครื่องอบผ้าโดยเฉพาะจำเป็นต้องมีพื้นที่ในการติดตั้ง เพราะต้องวางควบคู่กับเครื่องซักผ้า
-
เครื่องซักอบผ้า
‘ซัก อบ ผ้า’ ชื่อก็บอกชัดเจนแล้วว่าเครื่องมีทั้งระบบซักล้างและอบผ้าในเครื่องเดียวกัน ช่วยให้สะดวกไม่ต้องย้ายผ้าจากถังซักไปที่เครื่องอบ แต่เหมาะกับการใช้งานในปริมาณไม่มาก เพราะความจุของเครื่องอาจมีขนาดเล็กกว่าเครื่องอบผ้าโดยเฉพาะ ตอบโจทย์กับที่อยู่อาศัยที่มีพื้นที่จำกัด
เผยแล้ว วิธีใช้เครื่องอบผ้าให้ถูกต้อง หมดห่วงว่าจะพัง
- คำนวณความจุของเครื่องอบผ้ากับจำนวนสมาชิกในบ้าน หากอยู่กันหลายคนต้องใช้งานบ่อยจะได้เลือกประเภทของเครื่องอบผ้าได้อย่างเหมาะสม อย่าลืมคำนึงถึงเรื่องพื้นที่จัดวางด้วยนะ
- โปรแกรมการอบผ้าที่ควรรู้ก่อนใช้งาน เช่น Iron dry ผ้าที่อบจะยังมีความชื้นเล็กน้อย เพื่อให้สะดวกต่อการรีดต่อทันทีเมื่ออบผ้าเสร็จ, Cupboard dry ผ้าที่อบจะแห้งสนิท พร้อมนำแขวนเข้าตู้ทันที และ Extra dry เหมาะสำหรับผ้าที่หนา มีขนาดใหญ่ เช่น ผ้าห่ม ผ้านวม หมอน เป็นต้น
- หากเป็นเครื่องอบผ้าโดยเฉพาะ (ไม่ใช่เครื่องซักอบ) ผ้าที่นำใส่เครื่องควรเป็นผ้าที่ถูกปั่นหมาดมาแล้ว ห้ามใส่ผ้าที่เปียกชุ่มเด็ดขาด
- ก่อนใส่ผ้าในเครื่องอบ ควรสะบัดและกลับด้านในออกมาด้านนอก เป็นการถนอมกระดุมและสีผ้า ถ้าเสื้อผ้ามีซิป รูดซิปให้เรียบร้อย ป้องกันไม่ให้ไปเกี่ยวกับผ้าตัวอื่น
- อย่าลืมตรวจดูให้ดีว่าไม่มีสิ่งใดหลงอยู่ในกระเป๋าเสื้อ กระเป๋ากางเกง เช่น เหรียญ ปากกา เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับตัวเครื่องและเสื้อผ้า
- ใส่ผ้าลงในเครื่องอบในปริมาณที่เครื่องกำหนด หรือรับไหว อย่าใส่มากจนเกินไป เพราะนอกจากจะทำให้ผ้าไม่แห้งตามที่ต้องการแล้ว ยังอาจส่งผลเสียต่อเครื่องอบผ้าได้ด้วย
- ใส่ผ้าชิ้นเล็กชิ้นใหญ่กระจายให้ทั่วเครื่อง ไม่ควรให้ผ้าขนาดใหญ่กองตัวอยู่เพียงฝั่งใดฝั่งหนึ่งเท่านั้น เพราะเครื่องจะเสียสมดุลได้
เราก็ได้รู้วิธีใช้เครื่องอบผ้ากันไปแล้ว ต่อไปก็เป็นคิวของเคล็ดลับการดูแลเครื่องอบผ้า
- ทำความสะอาดส่วนต่าง ๆ ของเครื่องอบผ้าตามในคู่มือภายในระยะเวลาที่กำหนด
- ทำความสะอาดแผ่นกรองใยผ้า ซึ่งตัวกรองใยผ้าจะดักจับใยผ้าชิ้นเล็ก ๆ ที่หลุดออกมาจากผ้า สามารถหยิบออกด้วยมือเปล่า หรือเครื่องดูดฝุ่นก็ได้โดยเลือกแรงดูดต่ำสุด แล้วใส่กลับเข้าที่เดิมทันที
การรักษาความสะอาดแผ่นกรองใยผ้าเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะถ้าแผ่นกรองเกาะตัวหนา เครื่องอบผ้าจะทำงานหนักขึ้น สิ้นเปลืองพลังงาน และเศษใยผ้าต่าง ๆ จะทำการฝังแน่น ส่งผลต่ออายุการใช้งานของเครื่องอบผ้าอีกด้วย
สำคัญมาก! ‘สัญลักษณ์บนเสื้อผ้า’ จะบอกเราได้ว่าควรทำให้แห้งด้วยวิธีใดจึงจะเหมาะสมต่อเนื้อผ้าและไม่เป็นอันตราย สัญลักษณ์ไหนหมายถึงอะไรบ้าง ตามไปดูได้เลย
รู้ไว้มีชัยกว่าครึ่ง สัญลักษณ์ในการอบผ้า
- ตากแห้ง
- ตากในแนวราบ
- ตากด้วยการแขวน
- ตากด้วยการแขวนให้น้ำหยดจนแห้ง
- ตากในที่ร่ม
- อบแห้งด้วยอุณหภูมิใดก็ได้
- อบแห้งได้ในอุณหภูมิต่ำ หรือประมาณ 60 °C
- อบแห้งได้ในอุณหภูมิปานกลาง หรือประมาณ 70 °C
- อบแห้งได้ในอุณหภูมิสูง หรือประมาณ 80 °C
- ห้ามอบแห้ง
แบบนี้ก็หมดห่วงเรื่องวิธีใช้เครื่องอบผ้ากันได้แล้ว สามารถนำวิธีเหล่านี้ไปทำตามกันได้เลยนะ รับรองว่าปลอดภัย และไม่สิ้นเปลืองพลังงานโดยไม่จำเป็นอีกด้วย
ที่มา: cleanipedia