หลายบ้านอาจเคยเผชิญกับเหตุการณ์ที่เครื่องซักผ้าไม่หมุน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็สามารถใช้งานได้เป็นปกติ แต่เมื่อกดปุ่มทำงานแล้วเครื่องซักผ้ากลับนิ่งสนิท ‘ไม่ทำงานเลย’ ความตั้งใจที่จะซักผ้าเพื่อทำความสะอาดชุดตัวโปรดที่จำเป็นต้องใส่ในเร็ววันก็ดับสลายไป ตามเซฟไทยไปดูกันว่าทำไมเครื่องซักผ้าถึงไม่หมุน พร้อมบอกจุดสังเกต และวิธีแก้ไขหรือซ่อมแซมเบื้องต้น เพื่อจัดการให้ใช้งานเครื่องซักผ้าได้อย่างปลอดภัยต่อไป
ประเภทของเครื่องซักผ้า
เครื่องซักผ้าฝาหน้า – มีฝาอยู่บริเวณด้านหน้าของเครื่องซักผ้า ต้องดึงฝาเข้าหาตัวเพื่อเปิด โดยระบบการทำงานจะหมุนไปในแนวนอน เหมาะสำหรับวางในที่อยู่อาศัยที่มีพื้นที่จำกัด รวมถึงโปรแกรมการใช้งานในบางเครื่องซักผ้าประเภทฝาหน้ายังสามารถอบผ้าได้ด้วย หรือที่เรียกว่า เครื่องซักอบนั่นเอง
เครื่องซักผ้าฝาบน – มีฝาอยู่บริเวณด้านบน ต้องยกฝาขึ้นด้านบนเพื่อเปิด โดยระบบการทำงานจะหมุนไปในแนวตั้ง เหมาะสำหรับใช้งานในพื้นที่ที่ด้านบนโล่ง ควรระวังการวางใต้ Compressor (คอมเพรสเซอร์) ของเครื่องปรับอากาศ ซักผ้าได้ปริมาณมากกว่าแบบฝาหน้า แต่จะใช้น้ำและไฟมากกว่า
วิธีตรวจสอบปัญหาเบื้องต้น กรณีเครื่องซักผ้าไม่หมุน
-
เครื่องซักผ้าไม่หมุนอาจมาจากฝาปิดไม่สนิท
สาเหตุเบื้องต้นของปัญหาเครื่องซักผ้าไม่หมุน มักมาจากการปิดฝาเครื่องซักผ้าไม่สนิทนั่นเอง จึงส่งผลให้เครื่องซักผ้าไม่ทำงาน ไม่ระบายน้ำ รวมถึงไม่ทำการปั่นผ้าด้วย ควรตรวจสอบขอบฝาถังว่ามีสิ่งแปลกปลอมขวางอยู่หรือไม่ แล้วลองปิดฝาให้สนิทอีกครั้ง สังเกตง่าย ๆ ว่าปิดฝาอย่างสนิทต้องได้ยินเสียงล็อก หลังจากนั้นดูที่ตัวเครื่องว่าขึ้นสัญลักษณ์การทำงานเป็นปกติหรือยัง
-
เครื่องเปิดไม่ติด ทำให้เครื่องซักผ้าไม่หมุน
สาเหตุนี้อาจมาจากการที่กระแสไฟฟ้าไหลมาไม่ถึงเครื่องซักผ้า ควรตรวจสอบว่าเปิดเครื่องติดหรือไม่ ด้วยการใช้มัลติมิเตอร์ (Multimeter) วัดกระแสไฟฟ้า หากไม่พบกระแสไฟฟ้าให้ไปดูที่เบรกเกอร์หรือคัตเอาท์ว่าผิดปกติหรือมีการตัดไฟหรือไม่ ซึ่งแนะนำให้สับเบรกเกอร์หรือคัตเอาท์ลงเพื่อความปลอดภัย แล้วควรให้ช่างผู้ชำนาญการมาซ่อมบำรุงอย่างถูกต้อง
-
เครื่องซักผ้าไม่หมุน เพราะใส่ผ้าเยอะเกินไป
ซักทีเดียวใช้ให้คุ้ม ใส่ผ้าครั้งละเยอะ ๆ เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เครื่องซักผ้าไม่หมุน เพราะการใส่ผ้ามากเกินไป หรือเกินกว่าปริมาณที่เครื่องซักผ้ารุ่นนั้นกำหนด เครื่องจะไม่ทำงานโดยอัตโนมัติทันที
-
เครื่องซักผ้าไม่หมุน เพราะสายพานชำรุด
เราสามารถตรวจสอบการทำงานของสายพานเบื้องต้นได้จากการลองหมุนถังด้วยมือ หากหมุนแล้วไม่มีแรงต้านเลย หมายความว่าสายพานเครื่องซักผ้าอาจชำรุด แต่สายพายเสียแล้วทำให้เครื่องซักผ้าไม่หมุนต้องเกิดจากสายพายขาด ซึ่งสายพานจะขาดได้ก็ต่อเมื่อมีสิ่งไปกระตุ้น เช่น เครื่องทำงานเสียงดัง สั่น หรือสะบัด แผงควบคุมการทำงานผิดปกติ หากเป็นกรณีนี้ควรปรึกษาและซ่อมแซมกับช่างผู้ชำนาญการเท่านั้น
-
เครื่องซักผ้าไม่หมุนเป็นเพราะไฟกระชาก
บางกรณีที่เครื่องซักผ้าไม่หมุน หรือหยุดทำงานกะทันหันอาจมาจากสาเหตุของไฟกระชากได้ ให้ลองถอดปลั๊กออกแล้วรอประมาณ 1-5 นาที แล้วเสียบปลั๊กกลับเข้าไป เริ่มตั้งค่าโปรแกรมซักอีกครั้ง หากเครื่องซักผ้ายังคงมีปัญหาเดิม ควรติดต่อช่างผู้ชำนาญการมาตรวจสอบปัญหาทางเทคนิคนี้ต่อไป
ข้อควรทำในการใช้เครื่องซักผ้าอย่างถูกต้อง
- ใส่ปริมาณผ้าลงเครื่องซักผ้าให้พอดี เพื่อให้เหมาะสมต่อน้ำหนักเครื่องที่รองรับผ้าได้ เพราะหากใส่ผ้ามากเกินไป นอกจากเครื่องจะต้องทำงานหนักกว่าเดิมแล้ว ยังทำให้เสื้อผ้าไม่สะอาดเท่าที่ควร เสื่อมสภาพไว ซึ่งโดยปกติแล้วความจุของถังเครื่องซักผ้าจะมีตั้งแต่ 5-20 กิโลกรัมขึ้นไป ควรใส่ผ้าไม่เกินครึ่งถัง หรือ 3 ใน 4 ของถัง
- ใส่ผงซักฟอกหรือน้ำยาซักผ้าในปริมาณที่พอดี สามารถดูได้จากบนบรรจุภัณฑ์ทำความสะอาดว่าควรใส่ปริมาณเท่าใดต่อปริมาณผ้าที่เราซัก ถ้าใส่ผงซักฟอกหรือน้ำยามากไปก็จะยิ่งเกิดฟองมากขึ้น อาจทำให้ล้างน้ำสะอาดไม่เพียงพอ จนเกิดคราบบนเสื้อผ้าขึ้นได้
- เลือกโปรแกรมซักให้เหมาะสมกับผ้า โปรแกรมซักของเครื่องซักผ้ามีด้วยกันหลากหลายโหมด ควรเลือกให้เหมาะสมต่อการซักครั้งนั้น ๆ เช่น ซักแบบปกติหรือโปรแกรมอัตโนมัติ ใช้ได้กับผ้าทุกชนิด เป็นการซักปกติ ไม่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ หรือซักแบบด่วน เหมาะสำหรับคนที่เร่งรีบและเสื้อผ้าที่สกปรกมาก เพราะใช้ระยะเวลาซักน้อย มีการแช่ผ้าน้อยลง แต่ปั่นผ้ามากขึ้น ซึ่งจะแรงกว่าโหมดอื่น จึงไม่เหมาะกับชนิดผ้าที่ต้องถนอมเป็นพิเศษ
ทั้งหมดนี้คือสาเหตุของเครื่องซักผ้าไม่หมุน หากลองตรวจสอบด้วยวิธีเบื้องต้นนี้ดูแล้วยังไม่สามารถใช้งานได้เป็นปกติ เซฟไทยแนะนำให้ดำเนินการซ่อมแซมโดยช่างผู้ชำนาญการ เพื่อความปลอดภัยและถนอมเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างถูกต้อง
ที่มา: globalhouse