ในยุคที่ค่าไฟฟ้าสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้หลายคนมองหาวิธีลดค่าใช้จ่าย รวมถึงวิธีที่ผิดกฎหมายอย่างการดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้า เพื่อให้มิเตอร์ไฟฟ้าวิ่งช้าลงหรือหยุดหมุนไปเลย ซึ่งอาจดูเป็นวิธีที่ช่วยประหยัดเงินได้ในระยะสั้น แต่ความจริงแล้วราคาที่ต้องจ่ายอาจสูงกว่าที่คิดมาก ทั้งในแง่ของค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงที่ตามมา
การดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้าคืออะไร
การดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้า คือ การแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์มิเตอร์ไฟฟ้าให้แสดงการใช้ไฟฟ้าน้อยกว่าความเป็นจริง โดยใช้วิธีการต่าง ๆ เช่น การติดตั้งอุปกรณ์แทรกแซง หรือแก้ไขวงจรภายใน เพื่อให้เสียค่าไฟฟ้าน้อยลงหรือไม่ต้องจ่ายค่าไฟเลย
ความเสี่ยงของการดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้า
ด้านกฎหมาย
การดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้าหรือแอบใช้ไฟฟ้าโดยไม่ผ่านมิเตอร์เป็นการละเมิดกฎหมายอย่างชัดเจน ซึ่งนำไปสู่ความผิดทั้งทางแพ่งและอาญาที่มีโทษรุนแรง ทั้งค่าปรับจำนวนมากและโทษจำคุก
- โทษทางแพ่ง
หากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ตรวจพบว่ามีการดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้า หรือดึงไฟตรงโดยไม่ผ่านมิเตอร์จะสามารถดำเนินการเรียกเก็บค่าเสียหายหรือค่าปรับจากผู้กระทำ ผู้ได้รับผลประโยชน์ หรือแม้แต่เจ้าของอาคารหรือผู้อยู่อาศัยได้ โดยพิจารณาจากขนาดของอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้ไฟตรง รวมถึงประเภทของมิเตอร์ไฟฟ้า ดังนี้
ขนาดมิเตอร์ (แอมป์)
1 เฟส 3-5 แอมป์ ราคา 12,000 บาท
1 เฟส 10-30 แอมป์ ราคา 34,500 บาท
1 เฟส เกินกว่า 30 แอมป์ ราคา 60,000 บาท
3 เฟส 10-15 แอมป์ ราคา 66,000 บาท
3 เฟส เกินกว่า 50 แอมป์ ราคา 121,500 บาท
มิเตอร์แรงต่ำ ประกอบซีที
1 เฟส ราคา 82,500 บาท
3 เฟส ราคา 157,500 บาท
มิเตอร์แรงสูง
ทุกขนาด 390,000 บาท
สำหรับมิเตอร์อิเล็กทรอนิกส์จะคิดค่าเบี้ยปรับตามคำร้องขอใช้ไฟของผู้ใช้บริการ
- โทษทางอาญา
นอกจากการเรียกเก็บค่าเสียหายแล้ว ผู้ที่ดัดแปลงหรือแอบใช้ไฟฟ้ายังมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งมีโทษถึงขั้นจำคุก ดังนี้
มาตรา 334 (ลักทรัพย์ทั่วไป) – มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 335 (ลักทรัพย์ในสถานการณ์พิเศษ เช่น เวลากลางคืน หรือในที่เกิดเหตุเพลิงไหม้) – มีโทษจำคุก 1–5 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000–100,000 บาท
การกระทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่ผิดกฎหมาย แต่ยังบ่งบอกถึงความตั้งใจในการทุจริต ซึ่งหากมีพฤติกรรมซ้ำซาก อาจถูกดำเนินคดีรุนแรงยิ่งขึ้น
ด้านชีวิตและทรัพย์สิน
การดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้าไม่ใช่แค่เรื่องของกฎหมายหรือค่าปรับมหาศาลเท่านั้น แต่ยังเป็นพฤติกรรมที่เต็มไปด้วยความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่อาจส่งผลร้ายแรงทั้งต่อตัวผู้กระทำ ครอบครัว หรือผู้ที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งมักถูกมองข้ามจนสายเกินแก้
- เสี่ยงไฟฟ้าลัดวงจร
การดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้าหรือแอบต่อสายไฟตรงโดยไม่มีความรู้หรือไม่ได้รับการรับรองจากช่างผู้เชี่ยวชาญ อาจทำให้วงจรไฟฟ้าทำงานผิดปกติหรือเกิดไฟฟ้าลัดวงจร และนำไปสู่เหตุเพลิงไหม้ได้
- เสี่ยงไฟไหม้บ้านและทรัพย์สินเสียหาย
เมื่อเกิดไฟฟ้าลัดวงจรในจุดที่มีวัสดุไวไฟหรือใกล้แหล่งพลังงาน เช่น ปลั๊กไฟ เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือสายไฟเสื่อมสภาพ ไฟสามารถลุกลามได้อย่างรวดเร็ว ทำให้บ้านหรือทรัพย์สินเสียหายในพริบตา นอกจากนี้บางครั้งเหตุเพลิงไหม้ยังส่งผลถึงชีวิตของผู้อยู่อาศัยหรือเพื่อนบ้านใกล้เคียงอีกด้วย
- เสี่ยงไฟฟ้าช็อต
การดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้าโดยไม่เป็นไปตามมาตรฐานอาจทำให้เกิดไฟรั่วหรือไฟดูด โดยเฉพาะเมื่อมีคนในบ้านสัมผัสเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีไฟรั่วโดยไม่รู้ตัว ซึ่งอาจอันตรายถึงชีวิต
- เสี่ยงประกันภัยไม่คุ้มครอง
หากเกิดอุบัติเหตุจากการดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นไฟไหม้หรือไฟฟ้าช็อต บริษัทประกันอาจปฏิเสธความรับผิดชอบ เพราะถือว่าเป็นความเสียหายที่เกิดจากการกระทำผิดกฎหมาย ส่งผลให้เจ้าของบ้านต้องแบกรับค่าเสียหายทั้งหมด
ด้านระบบไฟฟ้า
หลายคนอาจมองว่าการดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้าเป็นเรื่องส่วนตัว เพราะทำภายในบ้านตัวเองเพื่อหวังประหยัดไฟ แต่แท้จริงแล้ว พฤติกรรมนี้ส่งผลกระทบต่อระบบไฟฟ้าทั้งในบ้านและระบบรวมของชุมชน
- ประสิทธิภาพของการจ่ายไฟลดลง
มิเตอร์ไฟฟ้าเป็นส่วนหนึ่งของระบบควบคุมและจ่ายพลังงานของการฟ้า การดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้าหรือการใช้ไฟโดยไม่ผ่านมิเตอร์ทำให้ข้อมูลการใช้ไฟผิดเพี้ยนจากความเป็นจริง ส่งผลให้การไฟฟ้าประเมินปริมาณไฟที่ต้องจ่ายในพื้นที่นั้นคลาดเคลื่อน อาจเกิดไฟตก ไฟเกิน หรือไฟกระชาก ซึ่งไม่เพียงแค่ทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าชำรุด แต่ยังสร้างความไม่มั่นคงให้กับระบบไฟฟ้าโดยรวม
- ระบบป้องกันความปลอดภัยทำงานผิดพลาด
นอกจากมิเตอร์ไฟฟ้าจะมีบทบาทในการวัดค่าไฟ ยังมีหน้าที่ตรวจจับปัญหา เช่น กระแสไฟผิดปกติ หรือการใช้ไฟเกินขนาด การดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้าอาจทำให้ ระบบตัดไฟหรือเบรกเกอร์ไม่ทำงานเมื่อเกิดเหตุผิดปกติ ซึ่งเป็นความเสี่ยงใหญ่ต่อความปลอดภัย เช่น ไฟฟ้าลัดวงจร อัคคีภัย ไฟดูด ไฟช็อต เป็นต้น
- รัฐสูญเสียรายได้
การดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้าทำให้การวัดค่าการใช้พลังงานไฟฟ้าไม่ถูกต้อง เกิดความคลาดเคลื่อนในการคิดค่าไฟฟ้า ส่งผลให้รัฐและการไฟฟ้าสูญเสียรายได้จำนวนมาก และทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการซื้อขายพลังงานไฟฟ้า
ทางเลือกการใช้ไฟฟ้าให้ประหยัด โดยไม่ต้องดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้า
การประหยัดค่าไฟไม่จำเป็นต้องดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งเสี่ยงผิดกฎหมายและอันตรายถึงชีวิต แต่สามารถทำได้ด้วยการปรับพฤติกรรมง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน ดังนี้
- เปิดหน้าต่างรับแสงและลมธรรมชาติ
ลดการใช้ไฟฟ้าจากหลอดไฟและเครื่องปรับอากาศ ด้วยการเปิดหน้าต่างให้แสงแดดและลมธรรมชาติเข้าสู่บ้าน ช่วยลดค่าไฟได้ทั้งช่วงกลางวันและช่วงเย็น
- ปิดและถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อไม่ได้ใช้งาน
เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เสียบปลั๊กไว้ แม้ไม่ได้เปิดใช้งานก็ยังมีกระแสไฟไหลอยู่ การถอดปลั๊กช่วยลดการสูญเสียพลังงานโดยไม่จำเป็น
- เลือกใช้หลอดไฟ LED แทนหลอดธรรมดา
หลอดไฟ LED สว่างกว่า ใช้ไฟน้อยกว่า และทนทานกว่า จึงช่วยประหยัดไฟและลดค่าใช้จ่ายระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ไม่ชาร์จอุปกรณ์ทิ้งไว้เมื่อแบตเต็มแล้ว
เมื่อแบตเตอรี่มือถือหรืออุปกรณ์อื่น ๆ ชาร์จเต็ม ควรถอดสายชาร์จออกทันที เพื่อป้องกันการสิ้นเปลืองไฟ และลดความเสี่ยงไฟฟ้าลัดวงจร
- ตั้งแอร์ที่อุณหภูมิ 26°C และปิดล่วงหน้า 1 ชม.
อุณหภูมิ 26 องศาเซลเซียส เย็นสบายและประหยัดพลังงานได้ดี อีกทั้งการปิดแอร์ก่อนออกจากห้องสัก 1 ชั่วโมง ยังช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าได้มากขึ้น
- เลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5
เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฉลากเบอร์ 5 หมายถึงผ่านการทดสอบว่าประหยัดไฟและมีประสิทธิภาพสูง เป็นทางเลือกที่ทั้งปลอดภัยและคุ้มค่าในระยะยาว
การดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้าอาจดูเหมือนช่วยประหยัด แต่ความเสี่ยงที่ตามมาทั้งด้านชีวิต ทรัพย์สิน ระบบไฟฟ้า และกฎหมาย อาจต้องจ่ายแพงเกินคุ้ม ทางเลือกที่ปลอดภัยและยั่งยืน คือการใช้ไฟฟ้าอย่างถูกต้องและมีความรับผิดชอบ
ที่มา:
https://drtchan.chanthaburi.go.th/news/detail/86/data.html