• 7 Views
  • Aug 23, 2025
  • 12 mins read

รวมความเชื่อผิด ๆ ที่ต้องรู้ไว้ก่อนเจออันตรายจากไฟฟ้า

ในชีวิตประจำวัน เราใช้ไฟฟ้าแทบตลอดเวลา ไม่ว่าจะเปิดไฟ ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือชาร์จโทรศัพท์ แต่ความคุ้นเคยมักทำให้เรามองข้ามอันตรายจากไฟฟ้าที่แฝงอยู่รอบตัว โดยเฉพาะเมื่อยังมีความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการใช้ไฟฟ้าที่ส่งต่อกันมานานโดยไม่มีหลักวิทยาศาสตร์รองรับ ความเข้าใจผิดเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำให้เราประมาท แต่ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้ทุกเมื่อ

8 ความเชื่อผิด ๆ อันตรายจากไฟฟ้า

1. รองเท้ายางช่วยป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าได้ 100%

รองเท้ายางช่วยป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าได้ 100%

หนึ่งในความเชื่อผิด ๆ ด้านความปลอดภัยจากการใช้ไฟฟ้าที่พบได้บ่อย คือการคิดว่าการสวมรองเท้ายางจะช่วยป้องกันไฟดูดได้อย่างสมบูรณ์ ความจริงแล้วแม้ว่ายางบริสุทธิ์จะเป็นฉนวนไฟฟ้าที่ดี แต่รองเท้ายางที่ใช้ทั่วไปมักไม่ได้ทำจากยาง 100% และอาจมีส่วนผสมของวัสดุอื่นที่นำไฟฟ้าได้ เมื่อรวมกับสภาพรองเท้าที่สึกหรอหรือเปียกชื้น ก็ยิ่งลดความสามารถในการป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าลง
ดังนั้น อันตรายจากไฟฟ้าจึงอาจเกิดขึ้นได้แม้สวมรองเท้ายาง หากต้องทำงานใกล้แหล่งจ่ายไฟ ควรเลือกใช้รองเท้าที่มีพื้นไม่เป็นสื่อนำไฟฟ้า (Non-conductive soles) เช่น หนังหรือวัสดุสังเคราะห์คุณภาพสูง ร่วมกับมาตรการป้องกันอื่น ๆ เช่น การใช้เครื่องมือหุ้มฉนวน และหลีกเลี่ยงการสัมผัสสายไฟที่มีกระแสไหลเวียน ไม่ว่าจะมีประกายไฟให้เห็นหรือไม่ก็ตาม

2. สายไฟที่ร่วงลงมาจะต้องมีประกายไฟเสมอหากมีกระแสไฟ

สายไฟที่ร่วงลงมาจะต้องมีประกายไฟเสมอหากมีกระแสไฟ จึงจะมีอันตรายจากไฟฟ้า

หลายคนมักเข้าใจผิดว่าหากสายไฟที่มีกระแสไฟร่วงลงมา จะต้องมีประกายไฟหรือควันให้เห็น ความจริงคืออันตรายจากไฟฟ้าอาจเกิดขึ้นแม้สายไฟจะไม่มีประกายไฟ ไม่มีเสียง หรือไม่มีควันเลยก็ตาม เพราะสายไฟที่ตกลงมาไม่ได้ถูกตัดกระแสไฟโดยทันที และอาจยังมีกระแสไฟฟ้าระดับร้ายแรงไหลอยู่ตลอดเวลา
แม้ในบางกรณี สายไฟที่ตกลงมาจะเกิดประกายเมื่อสัมผัสกับวัสดุที่นำไฟฟ้า แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเกิดขึ้นทุกครั้ง และไม่มีทางมองด้วยตาเปล่าแล้วบอกได้ว่าสายไฟนั้นปลอดภัยหรือไม่ ทางที่ดีที่สุดคือ อย่าเข้าใกล้หรือสัมผัสสายไฟที่ร่วงลงมาไม่ว่าจะเห็นประกายไฟหรือไม่ และรีบแจ้งเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานไฟฟ้าให้เข้ามาดำเนินการเพื่อความปลอดภัย

3. แรงดันไฟต่ำหมายถึงอันตรายจากไฟฟ้าน้อย

แรงดันไฟต่ำหมายถึงอันตรายจากไฟฟ้าน้อย

มีความเชื่อผิด ๆ ว่าแรงดันไฟฟ้าต่ำจะไม่เป็นอันตราย แต่ความจริงคืออันตรายจากไฟฟ้าไม่ได้ขึ้นอยู่กับแรงดันเพียงอย่างเดียว กระแสไฟเพียง 100 มิลลิแอมแปร์ (mA) ก็เพียงพอที่จะทำให้หัวใจหยุดเต้นได้ และในสภาพแวดล้อมที่เปียกชื้นหรือใช้อุปกรณ์ชำรุด ความเสี่ยงยิ่งเพิ่มขึ้น แม้แรงดันต่ำก็ยังทำให้เกิดไฟฟ้าช็อต ไฟดูด หรือไฟไหม้ได้
ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นแรงดันสูงหรือต่ำ การทำงานกับระบบไฟฟ้าควรใช้ความระมัดระวังอย่างสูง และควรให้ผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมเป็นผู้ดำเนินการ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากอันตรายจากไฟฟ้าที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

4. สายไฟฟ้าที่หุ้มฉนวนปลอดภัยต่อการสัมผัส

สายไฟฟ้าที่หุ้มฉนวนสามารถสัมผัสได้ ปลอดอันตรายจากไฟฟ้า

สายไฟฟ้าหุ้มฉนวนที่เราคิดว่าปลอดภัย แท้จริงแล้วสายไฟส่วนใหญ่ไม่ได้หุ้มด้วยฉนวนกันไฟฟ้าจริง แต่เป็นการเคลือบเพื่อปกป้องสายไฟจากสภาพอากาศเท่านั้น ไม่ได้ป้องกันกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่าน ซึ่งหมายความว่าอันตรายจากไฟฟ้ายังคงเกิดขึ้นได้หากสัมผัสหรือเข้าใกล้สายไฟเหล่านี้
ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะเห็นสายไฟมีการเคลือบหรือไม่ก็ตาม อย่าเข้าใกล้หรือสัมผัสโดยเด็ดขาด เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากอันตรายจากไฟฟ้าที่อาจถึงชีวิตได้

5. เปิด-ปิดหลอดไฟบ่อย ๆ ทำให้หลอดเสียเร็ว

เปิด-ปิดหลอดไฟบ่อย ๆ ทำให้หลอดเสียเร็ว

มีความเชื่อว่าการเปิด-ปิดหลอดไฟบ่อย ๆ จะทำให้หลอด LED เสื่อมเร็ว แต่ในความเป็นจริง หลอด LED และหลอด CFL รุ่นใหม่ถูกออกแบบมาให้รองรับการเปิด-ปิดบ่อยครั้งได้โดยไม่ลดอายุการใช้งานมากนัก อายุของหลอดไฟขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่เปิดใช้งานมากกว่าจำนวนครั้งที่สลับเปิดปิด

6. ไม้เป็นฉนวนป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าอย่างดี

ไม้เป็นฉนวนป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าอย่างดี

แม้ไม้จะถูกมองว่าเป็นฉนวนธรรมชาติ แต่ไม้ในสภาพเปียกหรือชื้นสามารถนำไฟฟ้าได้ และบางครั้งอุปกรณ์ไม้ เช่น บันได อาจมีส่วนประกอบโลหะที่นำไฟฟ้าได้ด้วย จึงไม่ควรประมาทในการใช้ไม้ทำงานใกล้กับแหล่งไฟฟ้า

เพื่อป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าควรปิดไฟทุกครั้งก่อนทำงานและรักษาระยะห่างระหว่างไม้กับแหล่งไฟฟ้าอย่างเคร่งครัด เพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่คาดคิด

7. เบรกเกอร์และฟิวส์จะตัดไฟทุกครั้งที่เกิดอันตรายจากไฟฟ้า

เบรกเกอร์และฟิวส์จะตัดไฟทุกครั้งที่เกิดอันตรายจากไฟฟ้า

แม้เบรกเกอร์และฟิวส์จะเป็นอุปกรณ์สำคัญในการป้องกันระบบไฟฟ้าจากกระแสเกินหรือการลัดวงจร แต่ไม่ได้หมายความว่าปลอดภัยจากอันตรายจากไฟฟ้าอย่างสมบูรณ์ อุปกรณ์เหล่านี้อาจไม่ตอบสนองได้ทันในบางสถานการณ์ หรือเสื่อมสภาพตามเวลา ทำให้ประสิทธิภาพลดลง
เพื่อให้การป้องกันมีประสิทธิภาพ ควรตรวจสอบและบำรุงรักษาเบรกเกอร์หรือฟิวส์อย่างสม่ำเสมอ พร้อมปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยอื่น ๆ เช่น ปิดแหล่งจ่ายไฟก่อนทำงาน และใช้เครื่องมือที่มีฉนวนป้องกัน

8. แค่สวมถุงมือป้องกันก็สามารถใส่เครื่องประดับขณะซ่อมไฟได้

แค่สวมถุงมือป้องกันก็สามารถใส่เครื่องประดับขณะซ่อมไฟได้

แม้จะใส่ถุงมือป้องกัน แต่การสวมเครื่องประดับโลหะขณะทำงานกับอุปกรณ์ไฟฟ้ายังคงเสี่ยงต่ออันตรายจากไฟฟ้าเนื่องจากโลหะเป็นตัวนำไฟฟ้าที่ดี หากสัมผัสกับแหล่งจ่ายไฟ อาจทำให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านเข้าสู่ร่างกาย ก่อให้เกิดไฟดูดหรือแผลไหม้ได้

นอกจากนี้ เครื่องประดับยังมีโอกาสติดหรือเกี่ยวกับชิ้นส่วนของเครื่องจักร ซึ่งอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บทางกาย ดังนั้น ก่อนซ่อมบำรุงหรือทำงานเกี่ยวกับไฟฟ้า ควรถอดเครื่องประดับทุกชิ้นเพื่อความปลอดภัยสูงสุด

 

ทุกครั้งที่ใช้งานไฟฟ้า อย่าลืมว่าอันตรายจากไฟฟ้ามักซ่อนอยู่ในสิ่งที่เรามองไม่เห็น และความเชื่อผิด ๆ อาจเป็นตัวการที่ทำให้เราประมาทยิ่งขึ้น การรู้เท่าทันและปฏิบัติอย่างถูกวิธี ไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันอุบัติเหตุ แต่ยังทำให้เราใช้ไฟฟ้าได้อย่างปลอดภัยและมั่นใจมากขึ้นทุกวัน

ที่มา:

https://homeserviceheroesfl.com/top-6dangerous-electrical-myths-you-need-to-stop-believing/

https://cityoffarmercity.org/fact-or-fiction-myths-about-electrical-safety/

https://integrityelect.com.au/busted-8common-electricity-myths-you-might-still-believe/

https://leafelectricalsafety.com/blog/electrical-safety-myths

https://trdsf.com/blogs/news/top-10myths-about-electrical-safety?srsltid=AfmBOopMAK9lv-zpMe9ZdW3n-KVpBD0DhrI55qQtxRAKCZjS4zQqfh3Q