หลอดไฟ หนึ่งในอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้บ่อยที่สุด เพราะมนุษย์ต้องการแสงตลอดเวลา หลอดไฟตื่นขึ้นและเข้านอนไปพร้อมกับเรา หลังจากทำงานหนักทั้งวันทุกวัน ย่อมมีวันเสื่อมสภาพหรือหมดอายุการใช้งาน แล้วเราควรเปลี่ยนหลอดไฟเมื่อไหร่ล่ะ และควรใช้หลอดไฟแบบไหนดี บทความนี้จะช่วยไกด์ให้ทุกคนเอง
เช็ก 4 สัญญาณเตือนจากหลอดไฟ
สังเกตสัญญาณเหล่านี้กันแล้วแก้ให้ตรงจุด เพราะบางครั้งต้นเหตุอาจไม่ได้เกิดจากหลอดไฟ!
1.แสงไฟสั่นหรือกะพริบตลอดเวลา
สงสัยได้เลยว่า ‘บัลลาสต์’ อาจจะเสีย บัลลาสต์คืออุปกรณ์ควบคุมกระแสไฟฟ้าที่ผ่านเข้าไปที่หลอดไฟ โดยเน้นความเหมาะสมกับหลอดไฟและความสม่ำเมอ แต่หากลองถอดออกแล้วใส่กลับเข้าไปใหม่ ปัญหานี้ยังคงอยู่ ก็เป็นไปได้ว่าอาจจะเสียที่ ‘สตาร์ตเตอร์’ หรืออุปกรณ์ที่สร้างประจุในหลอดไฟ
2.หลอดไฟมีเสียงหึ่ง ๆ
ความจริงแล้ว อาการนี้เกิดขึ้นได้ทั่วไปในหลอดไฟที่ไม่ได้ใช้งานมานาน แต่หากเปิดใช้หลอดไฟสม่ำเสมอ สาเหตุที่เป็นไปได้คือแกนเหล็กของบัลลาสต์หลวม ต้องซื้อตัวใหม่มาเปลี่ยนนะ
3.หลอดไฟติดช้า
หากหลอดไฟของใครมีปัญหานี้ เดาได้ว่าเกิดจากการเสื่อมสภาพของสตาร์ตเตอร์ ถึงเวลาที่ควรซื้อสตาร์ตเตอร์มาเปลี่ยนแล้ว
4.ขั้วหลอดไฟดำ
บ่งบอกการเสื่อมสภาพของหลอดไฟตามอายุการใช้งาน ฉะนั้น ถึงเวลาที่ควรเปลี่ยนหลอดไฟ แต่หากขั้วหลอดไฟดำเร็วผิดปกติ นั่นอาจเกิดจากการลัดวงจรของบัลลาสต์ก็ได้นะ
เลือกซื้อหลอดไฟยังไงดี?
- ประเภทหลอดไฟ
1.หลอดไฟ LED หลอดไฟประเภทนี้เป็นที่นิยมมากที่สุด เนื่องให้ความสว่างมาก ใช้พลังงานต่ำ แถมไม่มีแสง UV รวมถึงไม่สร้างความร้อน อายุการใช้งานเฉลี่ย 50,000 ชั่วโมง
2.หลอดไฟคอมแพ็กฟลูออเรสเซนต์ หรือหลอดตะเกียบ ตัวนี้ใช้แทนหลอดไส้ได้ โดยกินพลังงานน้อยกว่าและอายุการใช้งานมากกว่าถึง 8 เท่า
3.หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ ภายในหลอดไฟประเภทนี้มีสารเรืองแสง จะให้ความสว่าง หรือเกิดรังสีอัลตราไวโอเลตเมื่อมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน หลอดประเภทนี้มีอีกชื่อเรียกคือ หลอดนีออน
4.หลอดไส้ หลอดไฟประเภทนี้ทำจากทังสเตน ขณะใช้งานจะสร้างความร้อนสูง ความสว่างต่ำ และใช้พลังงานสูงมาก เป็นหลอดไฟรุ่นแรก ๆ ที่ไม่ค่อยนิยมใช้ในปัจจุบัน
5.หลอดฟิลาเมนต์ LED หลอดไฟประเภทนี้อัปเกรดมาจากหลอดไส้ อายุการใช้งานเฉลี่ย 20,000 ชั่วโมง และไม่เกิดการเผาไส้หลอด จึงไม่สร้างความร้อน ส่วนรูปลักษณ์คล้ายกับหลอดไส้
- ประเภทขั้วหลอดไฟ
เราต้องเลือกขั้วหลอดไฟให้ตรงกับขั้วหลอดไฟในบ้าน เพื่อให้ใส่ได้พอดี เมื่อซื้อหลอดไฟใหม่จึงควรนำหลอดไฟเดิมไปเทียบด้วย นอกจากรูปร่างของขั้วหลอดแล้ว ขั้วหลอดไฟยังมีหลายขนาดอีกต่างหาก โดยขั้วหลอดมี 4 แบบหลักๆ ดังนี้
1.ขั้วหลอดแบบเกลียว
2.ขั้วหลอดแบบเสียบ
3.ขั้วหลอดฟลูออเรสเซนต์ชนิดแท่ง
4.ขั้วหลอดแบบเขี้ยว
- โทนสีของหลอดไฟ
หลอดไฟมักระบุโทนสีด้วยตัวย่อ 3 แบบ ดังนี้
1.WW หมายถึง Warm White สีโทนนี้จะให้ความอบอุ่น เป็นสีขาวอมเหลืองที่เหมาะกับห้องนอน ห้องน้ำ และห้องนั่งเล่น
2.CW หมายถึง Cool White สีขาวโทนนี้ขาวสะอาด แสงขาวโทนเย็นจะทำให้ห้องดูสดใส สบายตา เหมาะกับห้องรับแขก และห้องทำงาน
3.DL หมายถึง Daylight แสงสีนี้คล้ายแสงธรรมชาติตามชื่อ จุดเด่นคือแสงจะไม่เพี้ยนหรือหลอกตา เหมาะกับทั้งภายในและนอกอาคาร ทั้งบ้านเรือน และโรงงาน
ที่มา: