รู้หรือไม่? ว่า ‘ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5’ ที่เรามักจะมองหาเป็นอันดับแรก ๆ ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้านั้น สามารถบ่งบอกอะไรได้มากกว่าเรื่องของการประหยัดไฟและค่าใช้จ่าย วันนี้ทางเซฟไทยจึงจะมาชี้ให้ชัดว่าฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ในแต่ละจุดกำลังบอกข้อมูลอะไรอยู่ ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้ไฟฟ้าสามารถตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าได้เหมาะสมและง่ายกว่าเดิม
เชื่อว่าฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 จะต้องปรากฏบนเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ แทบทุกบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องปรับอากาศ/แอร์ พัดลม ตู้เย็น และอื่น ๆ ซึ่งหลายคนอาจจะสังเกตเพียงผิวเผินว่า ถ้ามีสัญลักษณ์นี้แปะอยู่กับเครื่องใช้ไฟฟ้า นั้นแปลว่า ‘ดีแน่นนอน’ แต่แท้จริงเป็นเช่นนั้นแน่เหรอ ?
หมดกังวลได้เลย…เพราะเซฟไทยมีมาบอกแล้ว สามารถนำไปสังเกตกับฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ที่บ้านของเราได้ และหากใครที่กำลังจะซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่ ควรต้องสังเกตฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 แบบใหม่ด้วยนะ
ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 มีแบบไหนบ้าง?
หากพูดถึงฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ที่เป็นฉลากบ่งบอกถึงระดับการใช้ไฟฟ้าและข้อมูลเบื้องต้นทั่วไปของเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดนั้น โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศ เช่น ประสิทธิภาพ ค่าใช้จ่ายต่อปี เป็นต้น โดยปัจจุบันฉลากประหยัดไฟนั้นได้ถูกปรับปรุงและอัปเดตข้อมูลในรูปแบบใหม่ให้เป็นฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 แบบติดดาว จากแบบเดิมที่แบ่งเป็นระดับ ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ธรรมดา
-
ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 แบบเดิม
เป็นฉลากประหยัดไฟที่จะแทนระดับการประหยัดไฟด้วยเลข 1 – 5 ยิ่งเลขสูงก็หมายความว่าประหยัดไฟได้มากนั่นเอง โดยบ่งบอกข้อมูลถึงมาตรฐานว่าของปีไหน เครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดนั้นใช้พลังงานไฟฟ้าประมาณกี่หน่วยต่อปี แล้วคิดเป็นค่าใช้จ่ายกี่บาทต่อปี และประสิทธิภาพในการใช้พลังงานเท่ากับเท่าไหร่
– ประสิทธิภาพของแอร์ (Energy Efficiency Ratio : EER) ค่าที่ได้จากการทดสอบการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดนั้น แบรนด์นั้น และรุ่นนั้น ซึ่งสภาพการใช้งานจริงจะแตกต่างกันออกไปตามฤดูกาล ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการใช้ไฟฟ้าแตกต่างกันออกไปด้วย
– วัดประสิทธิภาพของการใช้พลังงาน (Seasonal Energy Efficiency Ratio : SEER) ใช้การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิมาเป็นปัจจัยในการวัด ทำให้การประเมินประสิทธิภาพทำให้แม่นยำมากยิ่งขึ้น มีความใกล้เคียงกับสภาพการใช้พลังงานจริงมากกว่า ยิ่งมีค่า SEER สูง แปลว่าประสิทธิภาพพลังงานยิ่งดี
-
ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 แบบใหม่ ติดดาว
ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 รูปแบบใหม่เริ่มใช้ตั้งแต่ปี 2562 ที่ผ่านมา บ่งบอกระดับความประหยัดไฟผ่าน ‘ดาว’ มีตั้งแต่ เบอร์ 5 ธรรมดา, 1 ดาว, 2 ดาว และ 3 ดาว หากค่าความประหยัดพลังงานเทียบเท่าเบอร์ 5 ในฉลากแบบเดิม เข็มจะชี้อยู่ที่ช่องเบอร์ 5 แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เข็มชี้ไปที่ระดับของดาว หมายความว่า สามารถประหยัดไฟได้มากขึ้นไปอีก
ระดับประสิทธิภาพพลังงานบนฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 แบบติดดาว
– เบอร์ 5
– เบอร์ 5 ★
– เบอร์ 5 ★★
– เบอร์ 5 ★★★
ซึ่งแต่ละระดับสามารถแสดงถึงความประหยัดค่าไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 5 – 10
เครื่องปรับอากาศที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ต้องมีค่า SEER เท่าไหร่ ได้ดาวกี่ดวง
-
ระบบธรรมดา (Fix Speed) ขนาดทำความเย็นน้อยกว่า 27,000 BTU
ค่า SEER 12.85 – 13.84 = ไม่ได้ดาว
ค่า SEER 13.85 – 14.84 = ★
ค่า SEER 14.85 – 15.84 = ★★
ค่า SEER เท่ากับหรือมากกว่า15.85 = ★★★
ขนาดทำความเย็น 27,000 – 41,000 BTU
ค่า SEER 12.40 – 13.39 = ไม่ได้ดาว
ค่า SEER 13.40 – 14.39 = ★
ค่า SEER 14.40 – 15.39 = ★★
ค่า SEER เท่ากับหรือมากกว่า15.40 = ★★★
-
ระบบอินเวอร์เตอร์ (Inverter) ขนาดทำความเย็นน้อยกว่า 27,000 BTU
ค่า SEER 15.00 – 17.49 = ไม่ได้ดาว
ค่า SEER 17.50 – 19.99 = ★
ค่า SEER 20.00 – 22.49 = ★★
ค่า SEER เท่ากับหรือมากกว่า 22.50 = ★★★
ขนาดทำความเย็น 27,000 – 41,000 BTU
ค่า SEER 14.00 – 16.49 = ไม่ได้ดาว
ค่า SEER 16.50 – 18.99 = ★
ค่า SEER 19.00 – 21.49 = ★★
ค่า SEER เท่ากับหรือมากกว่า 21.50 = ★★★
จุดสังเกตฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 แบบเก่า และแบบใหม่
- ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 แบบใหม่ เพิ่มความชัดเจนของค่าไฟฟ้าและแสดงระดับประสิทธิภาพของค่าพลังงานด้วย 4 ระดับ คือ เบอร์ 5, เบอร์ 5 ★, เบอร์ 5 ★★ และเบอร์ 5 ★★★
- เพิ่มที่อยู่เว็บไซต์ โครงการฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5
สามารถประมาณการค่าไฟฟ้าด้วยตนเองได้ที่ https://eservice.pea.co.th/EstimateBill/
ฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ยิ่งมีดาวมากก็ยิ่งประหยัดไฟ รู้แบบนี้แล้ว..อย่าลืมนำข้อมูลดี ๆ ไปสังเกตฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ที่บ้านตัวเองและก่อนการเลือกซื้อกันนะ ที่สำคัญเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้า หรือตู้เย็น จำเป็นจะต้องได้รับการทำความสะอาดเป็นประจำ เพื่อช่วยประหยัดพลังงานได้อีกหนึ่งทาง
ที่มา : kachathailand