เหตุการณ์สมมติ
นาย เอ กำลังขับรถกลับบ้าน ระหว่างทางเหลือบไปเห็นว่ามีสายไฟขาดอยู่ริมทาง ด้วยความหวังดีกลัวว่าหากมีผู้อื่นสัญจรไปมาอาจเกิดรับอันตรายได้ นาย เอ จึงตัดสินใจหาไม้มาเขี่ยสายไฟออกไปให้พ้นทาง แล้วค่อยโทรแจ้งเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าให้มาดำเนินการ
ถ้าเพื่อน ๆ พบเจอเหตุการณ์สายไฟขาด จะทำแบบนาย เอ หรือไม่? เพราะเหตุใด?
แต่ก่อนจะตอบ เซฟไทยขอให้อ่านบทความนี้ให้จบก่อนนะครับ
เห็นสายไฟขาด อย่าเข้าใกล้
อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะช่วงปลายฝนอย่างนี้ ยิ่งต้องระวังเป็นพิเศษ
เพราะลมกระโชกแรงอาจพัดสายไฟให้ขาดตกลงมาบริเวณทางเดินสามารถเป็นอันตรายหากไปสัมผัส
วันนี้เซฟไทยจะมาแนะนำวิธีเอาตัวรอดง่าย ๆ จากสายไฟขาดตามทางเดิน
1. ไม่มีประกายไฟ แต่มีกระแสไฟ
สายไฟที่ขาด ไม่ได้แปลว่าจะไม่มีกระแสไฟฟ้าแล้ว ถึงแม้จะไม่เห็นประกายไฟหรือได้ยินเสียงใด ๆ แต่กระแสไฟอาจจะยังคงอยู่
2. ไม่สัมผัสใช่ว่าไม่อันตราย
แม้ไม่สัมผัสสายไฟ แต่การอยู่ใกล้สายไฟขาดนั้นอาจทำให้ได้รับอันตรายจากไฟฟ้าแรงสูง จึงควรออกห่าง รวมถึงไม่อยู่ชิด รั้ว ต้นไม้ รถยนต์ แอ่งน้ำ หรือสื่อไฟฟ้าใด ๆ
3. ขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ
รีบโทรศัพท์แจ้ง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ที่เบอร์ 1129 หรือหน่วยงานสาธารณภัยทันที พร้อมระบุสถานที่พบเจออย่างละเอียด นอกจากนั้นให้คอยกันไม่ให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปใกล้เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ
เพียงเท่านี้ ก็จะลดความเสี่ยงต่อการเกิดภัยจากกระแสไฟฟ้าได้
เซฟไทย รณรงค์ให้ใช้ไฟฟ้าอย่างปลอดภัยและประหยัด