ไฟกระชาก อาจเป็นหนึ่งในสถานการณ์ที่เราทุกคนมีโอกาสพบเจอได้จากการใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้า โดยเฉพาะเวลาฟ้าร้อง ฟ้าผ่าและฝนตก ที่จู่ ๆ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านก็ดับแบบไม่รู้สาเหตุ รวมถึงอาการที่ติด ๆ ดับ ๆ จนบางครั้งไฟก็ตัดไปเอง ซึ่งปัญหาไฟกระชากนี้ หากปล่อยไว้อาจส่งผลอันตรายและผลเสียต่อเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ได้อย่างคาดไม่ถึง ทางเซฟไทยจึงมีวิธีแก้ไขมาบอกแล้ว
ไฟกระชาก คืออะไร
หลายคนอาจกำลังสับสนว่าเหตุการณ์ไฟกระชากนั้นเป็นแบบไหน เพราะเราคงจะเคยได้ยินทั้งที่เรียกกันว่า ไฟตก ไฟเกิน ไฟกระชาก คำพวกนี้มีความหมายเดียวกันหรือไม่ ? เซฟไทยมาไขข้อสงสัยให้แล้ว
ไฟตก คือ แรงดันไฟฟ้าสามารถส่งมาถึงผู้ใช้ได้ต่ำกว่า 220V ทำให้กำลังการจ่ายไฟไม่เพียงพอ ส่งผลให้ไฟติดบ้างดับบ้าง สาเหตุเกิดได้ทั้งจากความต้องการใช้ไฟฟ้ามีมากกว่ากำลังการจ่ายไฟ และเหตุขัดข้องขณะซ่อมแซมระบบไฟฟ้า
ไฟเกิน คือ แรงดันไฟฟ้าที่สามารถส่งมาถึงผู้ใช้ได้มากกว่า 220V ในระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น ซึ่งไม่ส่งผลกระทบที่อันตรายต่อเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านจนน่ากังวล
ไฟกระชาก คือ แรงดันไฟฟ้าที่ส่งมาถึงผู้ใช้แบบไม่เสถียรอย่างรวดเร็ว กล่าวคือ น้อยกว่า 220V บ้าง หรือ เกินกว่า 220V บ้าง ในเวลาอันสั้น ทำให้การจ่ายกระแสไฟฟ้าเกินในช่วงเวลาหนึ่ง ทั้งนี้ ไฟกระชากเกิดขึ้นได้จากทั้งการเดินสายไฟไม่เหมาะสม ระบบไม่เสถียร รวมไปถึงสภาพอากาศที่ไม่ดีก็ทำให้ไฟกระชากได้เช่นกันง
อาการไฟกระชาก สามารถสร้างความอันตรายและเสียหายต่อเครื่องใช้ไฟฟ้าและทรัพย์สินได้ด้วย โดยเฉพาะกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เรากำลังใช้งานอยู่และไวต่อการเปลี่ยนแปลงของแรงดันไฟฟ้าที่ไม่เสถียร หากปล่อยเอาไว้จะส่งผลต่อวงจรไฟฟ้า จนในที่สุดอาจนำไปสู่สาเหตุของเพลิงไหม้ได้เลย
ไฟกระชากส่งผ่านสิ่งใดได้บ้าง
- สายไฟทั้งสามเส้น (Line, Neutral และ Ground)
- สาย LAN
- สายโทรศัพท์
- สายเสาอากาศ และดาวเทียม
- สายสัญญาณ AV
- สายสัญญาณอื่น ๆ ที่ต่อเชื่อมกับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า
ไฟกระชากส่งผลต่อคอมพิวเตอร์อย่างไร?
คอมพิวเตอร์จะมีอุปกรณ์จ่ายไฟ หรือ Power Supply Unit (PSU) ที่คอยส่งต่อกระแสไฟให้กับชิ้นส่วนต่าง ๆ ของคอมพิวเตอร์ ซึ่งตัว PSU มีหน้าที่แปลงกระแสไฟฟ้าจาก กระแสสลับ (AC) ขนาด 220V เป็นกระแสตรง (DC) 3V, 5V หรือ 12V จ่ายผ่านเมมบอร์ดที่เลี้ยงอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น การ์ดจอ พัดลมระบายความร้อน และชิ้นส่วนอื่น ๆ หากเกิดไฟกระชากบ่อยครั้งเข้าก็คงไม่เป็นผลดีสักเท่าไหร่ เพราะจะส่งผลเสียต่อ PSU และอุปกรณ์อื่น ๆ อีกด้วย
เพราะแบบนี้…หากเกิดอาการไฟกระชากขึ้น ควรหาทางแก้ไขอย่างเร็วที่สุด ไม่ใช่แค่กับคอมพิวเตอร์แต่อุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดอื่นก็มีโอกาสได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน แทนที่จะได้ใช้งานตามอายุที่ควรจะเป็น อุปกรณ์นั้นอาจเสียหายไปเลยก็ได้ ฉะนั้น เราควรมองหาแหล่งพลังงานสำรองเอาไว้ เพื่อให้จ่ายกระแสไฟได้อย่างเสถียร พร้อมช่วยจัดการระบบไฟฟ้าอย่าง ‘ระบบกันไฟกระชาก (Surge Protection)’
วิธีรับมือไฟกระชาก ด้วย ระบบกันไฟกระชาก
ระบบกันไฟกระชาก เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยเรื่องแรงดันไฟฟ้า ป้องกันแรงดันไฟฟ้าที่สูงขึ้นชั่วขณะ และควรต่อสายดินเพื่อความปลอดภัย ให้กระแสไฟวิ่งลงดินแทนที่จะไฟเข้าสู่เครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งปลั๊กไฟรุ่นใหม่ในปัจจุบันก็เริ่มมีการติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันไฟกระชาก หรือ Surge Arrester เสริมมาให้บ้างแล้ว
อุปกรณ์ป้องกันไฟกระชากจะมีความแตกต่างในลักษณะการใช้งาน ซึ่งชิ้นส่วนก็จะแตกต่างกันออกไปเช่นกัน แต่จะสามารถป้องกันแรงดันไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้าที่สูงขึ้นในระยะเวลาอันรวดเร็วได้ โดยทั่วไปแล้วชิ้นส่วนที่ใช้มักจะต้องทำหน้าที่ ทำให้เกิดความต้านทานต่ำ เช่น MOV (Metal Oxide Varistor), Gas Discharge Tube (GDT) และ Silicon Avalanche Diode (SAD) เป็นต้น
วิธีรับมือไฟกระชาก ด้วย ‘เครื่องสำรองไฟ’
หนึ่งในอุปกรณ์ที่ช่วยป้องกันไฟกระชากได้คือ ‘เครื่องสำรองไฟ’ (UPS) โดยนิยมใช้ในบ้านที่มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายชนิด โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์ หลักการทำงานของเครื่องสำรองไฟจะรับพลังงานไฟฟ้าเข้าสู่ตัวเครื่องซึ่งเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) แล้วแปลงเป็นไฟฟ้ากระแสตรง (DC) สำรองเก็บไว้ในแบตเตอรี่ และทำการจ่ายไฟให้กับคอมพิวเตอร์อีกที กระแสไฟที่จ่ายออกจากเครื่องสำรองไฟจะมีความสม่ำเสมอและปลอดภัย
หากเพื่อน ๆ กำลังหาวิธีจัดการกับปัญหาไฟกระชากอยู่ วิธีที่เซฟไทยนำมาบอกคงจะเป็นตัวเลือกให้เอาไปพิจารณาได้นะ เพราะเหตุการณ์อย่างไฟกระชาก ไฟตก สามารถเกิดขึ้นได้โดยที่เราไม่ทันตั้งตัว ถ้าพบว่ากำลังเผชิญกับปัญหานี้อยู่ ควรต้องเตรียมความพร้อมเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้อุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้านเสียหายและเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งานด้วย
ที่มา: techhub