ไม่เหมือนในฤดูร้อนที่ทุกคนต่างก็ใช้เครื่องปรับอากาศที่มากขึ้น และ ในฤดูหนาวที่การอาบน้ำอุ่นทุกวันกลายเป็นเรื่องปกติ ในฤดูฝนนั้น ดูเผิน ๆ ก็เหมือนว่าจะไม่ต้องใช้ไฟเยอะ แต่ใครจะรู้ว่าความลับของฤดูฝนก็คือการทำให้ใช้ไฟเยอะแบบไม่รู้ตัวนั่นเอง รู้แบบนี้ต้องตัดไฟแต่ต้นลม ไม่ใช่การตัดไฟฟ้าในบ้าน แต่ตัดการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็นออกไป
จะมีทริคอะไรบ้าง มาดูกัน
๐ เครื่องซักผ้า และ เครื่องอบผ้า
ปกติก็ต้องซักผ้าอยู่แล้ว หน้าฝนแล้วเกี่ยวอะไรกัน? เกี่ยวโดยตรงถ้าผ้าที่ซักมาอย่างสะอาด นำไปตากแดดรอแห้งแล้วโดนฝนสาดจนเปียกชุ่มหมด จะให้ตากต่อก็กังวลถึงสิ่งสกปรกที่มากับน้ำฝน ทำให้ต้องซักใหม่ วนไปอย่างนี้จนกว่าจะหมดฤดูฝนคงเสียค่าไฟนับไม่ไหวแน่ ๆ
หรือจะใช้เครื่องอบผ้าในทุกครั้งที่ซักผ้าก็คงไม่ไหวเหมือนกัน เพราะเครื่องอบผ้าก็กินไฟใช่เล่น ยิ่งปกติที่ตากแดดอย่างเดียว เป็นไปไม่ได้เลยถ้าค่าไฟจะไม่ขึ้นพรวด ๆ
๐ ตรวจสอบพยากรณ์อากาศ
เซฟไทยขอแนะนำให้ทำการตรวจสอบพยากรณ์อากาศก่อนที่จะซักผ้า เพื่อลดความเสี่ยงของการซักผ้าแบบสิ้นเปลืองพลังงานและเงินโดยใช่เหตุ
๐ ตากผ้าในร่ม
การตากผ้าในร่มก็ช่วยได้เช่นกัน ไม่ต้องกลัวผ้าเหม็นอับเพราะปัจจุบันมีการคิดค้นน้ำยาซักผ้าสูตรตากในร่มได้ หรือถ้ายังไม่มั่นใจก็สามารถเปิดพัดลมเป่าได้ เพราะการกินไฟของพัดลมกับเครื่องอบผ้านั้นแตกต่างกันอย่างมาก
๐ สปริงเกอร์รดน้ำ
ควรปิดการรดน้ำอัตโนมัติของสปริงเกอร์ไปก่อน เพราะถ้าฝนมาตกเวลาเดียวกับการรดน้ำของสปริงเกอร์นอกจากจะทำให้เปลืองค่าไฟแบบใช่เหตุ ยังอาจทำให้รากต้นไม้เน่าได้เพราะการรดน้ำที่มากเกินไป ทางที่ดีควรเปลี่ยนมารดน้ำด้วยตนเองก่อนดีกว่า
๐ เครื่องดักจับยุง
เรียกว่าในฤดูที่ยุงชุมมากถึงมากที่สุดนั้น ทำให้อาจจะต้องใช้เครื่องดักจับยุงแทบทุกวัน ถึงจะบอกว่ากินไฟน้อยแค่ไหน แต่ถ้าใช้งานทุกวันก็ทำให้เสียค่าไฟได้เช่นกัน และสำหรับใครที่บ้านมีเด็กเล็ก สัตว์เลี้ยง และไม่อยากใช้สารเคมี เซฟไทยขอแนะนำให้ลองหันมาหยิบจับของในครัวเพื่อกำจัดยุง เช่น พริกไทยดำ น้ำยาล้างจาน และกระเทียมแทนดูนะครับ
สุดท้ายนี้การประหยัดนั้นสำคัญแต่ความปลอดภัยและการรักษาสุขภาพในฤดูฝนก็สำคัญไม่แพ้กันนะครับ
ด้วยความปรารถนาดีจากเซฟไทย