ปัจจุบัน ‘ไฟ RGB’ ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายด้วยคุณสมบัติที่สามารถเปลี่ยนสีของแสงได้หลากหลายตามใจต้องการ หลายคนจึงมักนำไฟประเภทนี้มาใช้ตกแต่งบ้านหรือสถานที่ต่าง ๆ เพื่อยกระดับความสวยงามและแต่งแต้มบรรยากาศให้สนุกสนานมากยิ่งขึ้น วันนี้เซฟไทยจึงจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกันว่าแท้จริงแล้วไฟ RGB คืออะไร พร้อมทั้งเผยวิธีการใช้งานอย่างเหมาะสม
ไฟ RGB คืออะไร?
RGB คือระบบสีของแสงที่เกิดจากการหักเหของแม่สีทั้ง 3 สี ได้แก่ สีแดง (Red) สีเขียว (Green) และสีน้ำเงิน (Blue) จึงเป็นที่มาของชื่อ ‘ไฟ RGB’ นั่นเอง หากแสงทั้ง 3 สีมีปริมาณความสว่างเท่ากันจะแสดงผลลัพธ์ออกมาเป็นแสงสีขาว แต่เมื่อปริมาณแสงสว่างของ 3 สีมีระดับแตกต่างกันจะทำให้เกิดแสงที่มีสีต่างกันได้มากกว่า 16 ล้านสี โดยตัวอย่างการผสมสีหลักจะได้ผลลัพธ์ ดังนี้
สีแดง + สีเขียว = สีเหลือง
สีเขียว + สีน้ำเงิน = สีฟ้า
สีแดง + สีน้ำเงิน = สีแดงอมชมพู
ประโยชน์ของไฟ RGB ใช้ทำอะไรได้บ้าง?
ความหลากหลายของไฟ RGB เป็นหนึ่งในคุณสมบัติสำคัญที่ทำให้เราเลือกใช้ประโยชน์จากไฟประเภทนี้ได้อย่างเหมาะสมต่อความต้องการ เช่น
- ใช้สำหรับตกแต่งห้องต่าง ๆ ภายในบ้านให้มีสีสันหรือปรับแสงของสีให้เหมาะสมต่อแต่ละห้อง
- แต่งเติมสีสันให้กับโต๊ะทำงานที่มีคอมพิวเตอร์ เช่น ลำโพง คีย์บอร์ด เก้าอี้ เป็นต้น
- ไฟ RGB เหมาะกับการตกแต่งงานปาร์ตี้หรือเทศกาลต่าง ๆ เพื่อให้มีความวิบวับ และสร้างความสนุกสนานผ่านแสงไฟ
- ใช้ในการแสดงผลของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ เช่น จอภาพ, สแกนเนอร์, กล้องดิจิทัล หรืองานออกแบบเว็บไซต์
ประเภทของไฟ RGB
ไฟ RGB มีหลากหลายประเภทให้เลือกใช้ ซึ่งไฟแต่ละประเภทมีข้อดีเฉพาะตัวที่แตกต่างกันไป โดยสามารถแบ่งประเภทไฟ RGB ได้ดังนี้
-
ไฟ RGB ชนิดแถบไฟ LED RGB (Strip LEDs)
แถบไฟ LED RGB เป็นไฟ RGB ที่ได้รับความนิยมสูงสุด และมักนำมาใช้ตกแต่งเฉพาะจุด เนื่องจากมีความยืดหยุ่นสูง และใช้งานได้ง่ายเพียงตัดแถบ LED บาง ๆ ตามขนาดและรูปร่างที่ต้องการ จากนั้นนำไปติดในบริเวณที่ต้องการเพิ่มความสว่าง เช่น ตู้ เคาน์เตอร์ บันได ห้องนั่งเล่น มุมเล่นเกม เป็นต้น
-
ไฟ RGB แบบติดตั้ง
ไฟ RGB ชนิดนี้มักจะติดตั้งไว้ที่ผนังหรือเพดาน สามารถปรับองศาไปยังมุมที่ต้องการเน้นแสงได้ โดยไฟ RGB แบบติดตั้งที่ได้รับความนิยมมาก คือ ไฟสปอตไลต์ที่เหมาะกับการเน้นวัตถุเฉพาะจุด และไฟฟลัดไลต์ที่เหมาะกับการให้แสงสว่างเป็นวงกว้างจากระยะไกล
-
ไฟพ็อด RGB LED
ไฟพ็อด RGB LED เป็นไฟ RGB อีกประเภทที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีขาตั้งปรับยืดได้ทำให้สะดวกต่อการใช้งาน และมีขนาดใหญ่กว่าไฟแถบ LED จึงเหมาะกับการใช้แสงพื้นที่ใหญ่
-
หลอดไฟ RGB
การติดตั้งหลอดไฟ RGB ที่สามารถปรับเปลี่ยนสีได้เข้ากับตัวควบคุมแทนการใช้หลอดไส้หรือหลอดฟลูออเรสเซนต์ จะช่วยให้สร้างบรรยากาศที่ต้องการได้ด้วยสีสันต่าง ๆ
ข้อดีของไฟ RGB
-
ปรับแต่งสีได้อย่างหลากหลายไร้ขีดจำกัด
เนื่องจากคุณสมบัติในการเปลี่ยนสีได้กว่า 16 ล้านสี จากแม่สีของแสงเพียง 3 สี ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนแสงไฟ RGB ในบรรยากาศต่าง ๆ ได้ตามต้องการ
-
ช่วยสร้างบรรยากาศและผ่อนคลายอารมณ์
งานวิจัยเผยว่าแสงแต่ละสีส่งผลให้เกิดอารมณ์ที่แตกต่างกันออกไป เช่น แสงสีเขียวจะช่วยลดความตึงเครียดได้ ในขณะที่แสงสีชมพูจะช่วยสร้างบรรยากาศที่สัมผัสได้ถึงความรัก ดังนั้นไฟ RGB จึงเป็นหนึ่งทางเลือกสำหรับกิจกรรมที่จำเป็นต้องใช้แสงในการสร้างบรรยากาศที่หลากหลาย เช่น การจัดไฟเวที การจัดแสดงสินค้า การถ่ายภาพ เป็นต้น
-
กระจายความร้อนได้ดี
ไฟ RGB สามารถทำงานได้ในสภาพอากาศ 20 – 40 องศาเซลเซียส เนื่องจากมีประสิทธิภาพในการกระจายความร้อนสูง จึงช่วยยืดอายุการใช้งานได้เป็นอย่างดี
สิ่งที่ควรคำนึงก่อนเลือกซื้อไฟ RGB
-
คุณภาพ
สิ่งสำคัญในการซื้อไฟ RGB คือ ควรเลือกผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิตที่น่าเชื่อถือ และได้รับการรับรองมาตรฐานว่าผ่านการทดสอบ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีชิ้นส่วนประกอบที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพสูงสุด
-
ขนาดและรูปทรง
ก่อนตัดสินใจซื้อไฟ RGB ควรสำรวจพื้นที่ ระยะห่างของปลั๊กไฟ และความต้องการใช้ เพื่อที่จะเลือกขนาดของไฟได้อย่างเหมาะสมกับการใช้งาน และสร้างความสวยงามเข้ากับบรรยากาศได้เป็นอย่างดี
-
ประสิทธิภาพในการประหยัดไฟ
การใช้ไฟ RGB ที่เหมาะสมกับกำลังไฟและมีการรับรองประสิทธิภาพประหยัดพลังงานจะช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้ในระยะยาว
-
การรับประกัน
อุปกรณ์ตามท้องตลาดที่ไม่มีการรับประกันอาจมีความเสี่ยงอันตรายจากไฟฟ้าได้ เช่น ไฟรั่ว ไฟลัดวงจร การลุกไหม้ และอื่น ๆ เนื่องจากใช้วัสดุคุณภาพต่ำในการผลิต ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยจึงควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีการรับประกันจากทางผู้ผลิต ซึ่งโดยทั่วไปมักจะมีระยะเวลาการรับประกันประมาณ 1 ปี
หลังจากได้ทำความรู้จักกับไฟเปลี่ยนสีอย่างไฟ RGB กันไปแล้ว เซฟไทยหวังว่าทุกคนจะสามารถเลือกใช้ไฟ RGB ได้อย่างถูกวิธีและตรงตามความต้องการ พร้อมสร้างสีสันให้กับบ้านแบบไร้ขีดจำกัด ผ่านการแต่งแต้มความคิดสร้างสรรค์ที่จะไม่ทำให้พื้นที่ของคุณน่าเบื่ออีกต่อไป
ที่มา: changfi